ทีมยัดห่วง 3×3 หนุ่มไทย เอาชนะฟิลิปปินส์ ในนัดตัดสิน คว้าแชมป์สมัยที่ 4 ติดต่อกัน เป็นเหรียญทองแรกประเดิมให้ทัพนักกีฬาคนพิการไทย ในกีฬาอาเซียนพาราเกมส์ ครั้งที่ 11 ที่เมืองสุราการ์ตา (โซโล) ประเทศอินโดนีเซีย  

 การแข่งขันมหกรรรมกีฬาคนพิการ อาเซียนพาราเกมส์ ครั้งที่ 11 ที่เมืองสุราการ์ตา (โซโล) ประเทศอินโดนีเซีย ระหว่างวันที่ 30 กรกฎาคม – 6 สิงหาคม 2565   การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) และกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ ให้การสนับสนุนทัพนักกีฬาคนพิการไทย และเจ้าหน้าที่รวมทั้งสิ้น 479 คน ร่วมชิงชัย  สถานีโทรทัศน์เพื่อการท่องเที่ยวและกีฬา   T Sports 7 ถ่ายทอดสดตลอดการแข่งขัน ทาง ช่อง T Sports 7 และ เฟซบุ๊ค แฟนเพจ T Sports 7  โดยการแข่งขันได้เปิดฉากการชิงชัยเหรียญทองเป็นวันแรก ซึ่งทัพนักกีฬาไทยสามารถคว้าเหรียญมาครองได้สำเร็จ  

 วีลแชร์บาสเกตบอล 3×3 ที่สรีเท็กซ์ อารีน่า แข่งแบบพบกันหมด เพื่อนำอันดับ 1 และ 2 เข้ารอบชิงชนะเลิศ โดยทีมบาสเกตบอล ทีมชายทีมชาติไทย เป็นแชมป์เก่าอาเซียนพาราเกมส์ 3 สมัยซ้อน ลงสนามนัดที่ 3 เอาชนะ ฟิลิปปินส์  21-7  คว้าชัยชนะ 3 นัดรวด ผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศไปดวลกับ ฟิลิปปินส์ อีกครั้ง ซึ่งผลปรากฏว่า ทีมยัดห่วงไทยย้ำแค้นได้อีก 21-12 คว้าแชมป์สมัยที่ 4 ติดต่อกัน และเป็นเหรียญทองแรกของให้ทัพนักกีฬาคนพิการไทยในกีฬาอาเซียนพาราเกมส์ ครั้งที่ 11  

 ในขณะที่ ทีมบาสเกตบอล ทีมหญิงไทย ดีกรีเหรียญทองแดง เอเชียนพาราเกมส์ 2018 ที่อินโดนีเซีย ลงแข่งขันนัดที่ 3 แพ้ กัมพูชา ช่วงซัดเดนเดด  8-9 รวมผลงาน 3 นัด ชนะ 2 นัด แพ้ 1 นัด ผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศไปพบกับ กัมพูชา อีกครั้ง ผลปรากฏว่า  เสมอกันในเวลา 5-5 แต่ช่วงซัดเดนเดด กัมพูชา แซงเอาชนะไปได้ 7-5 คว้าเหรียญทองไปครอง ส่วนทีมสาวไทยได้เหรียญเงิน และเหรียญทองแดง ได้แก่ ลาว 

 เอกสิทธิ์ จูมเจริญ กัปตันทีมบาสเกตบอลไทย วัย 42 ปี กล่าวว่า ทุกคนในทีมรู้สึกดีใจและภูมิใจมากที่คว้าเหรียญทองแรกให้ทัพนักกีฬาไทย หายเหนื่อยที่ได้ร่วมแรงร่วมใจสู้กันมาตลอดทุกนัด โดยการแข่งขันรายการนี้เป็นการเริ่มต้นเพื่อก้าวไปสู่ระดับเอเชีย และระดับโลกต่อไป แต่ในเวทีอาเซียนนี้ ก็มีหลายชาติที่พัฒนามากขึ้นเรื่อย ๆ อาทิ อินโดนีเซีย, กัมพูชา, มาเลเซีย หลังจากนี้ยังมีโปรแกรมแข่งขันประเภท 5x5 ซึ่งนักกีฬาทุกคนก็จะต้องกลับไปฟื้นฟูร่างกายด้วยวิทยาศาสตร์การกีฬา เพื่อคว้าเหรียญทองให้ได้อีกครั้ง

 ขณะที่แบดมินตัน ประเภททีมชาย คลาสยืน มี 3 ทีมร่วมชิงชัยแบบพบกันหมดคือ เวียดนาม, อินโดนีเซีย และไทย โดยทีมไทยประกอบด้วย ศิริพงษ์ เติมอารามณ์, ชวรัชต์ กิตติโชควัฒนา, ปรีชา สมศิริ และวัชรพล โชคอุทัยกุล นัดแรก ชนะ เวียดนาม 2-1 คู่ ขณะที่อินโดนีเซีย ชนะ เวียดนาม  3-0 คู่ ทำให้ทีมไทย และอินโดนีเซีย โคจรเข้าไปแย่งเหรียญทองในที่สุด  

 ผลปรากฏว่า  ประเภทเดี่ยวมือ 1 ชวรัชต์  กิตติโชควัฒนา แพ้ เฟรดี้ เซเตียวาน 0-2 เกม 19-21, 12-21 ,ประเภทคู่ วัชรพล โชคอุทัยกุล กับ ศิริพงษ์ เติมอารมณ์ แพ้  ฮาฟิซห์ ปราวิราเนการ่า กับ ฮารี่ ซูซานโต้ 0-2 เกม 13-2, 13-21 และประเภทเดี่ยวมือ 2 ปรีชา สมศิริ แพ้ เดห์วา แอนริมัสทรี 0-2 เกม 4-21, 8-21 สรุปผลทีมไทย แพ้ อินโดนีเซีย 0-3 คู่ ได้เหรียญเงิน

 ทั้งนี้ ตามประกาศคณะกรรมการบริหารกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ เรื่องหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการให้รางวัลแก่นักกีฬา บุคลากรกีฬา และสมาคมกีฬาที่ใช้คำว่า “แห่งประเทศไทย” พ.ศ. 2562 จะมอบเงินรางวัลให้นักกีฬาคว้าเหรียญรางวัลในอาเซียนพาราเกมส์ เหรียญทอง 200,000 บาท, เหรียญเงิน 100,000 บาท, เหรียญทองแดง 50,000 บาท

 บอคเซีย  ซึ่งนักกีฬาไทยเป็นความหวังในการกวาดเหรียญทองในอาเซียนพาราเกมส์ครั้งที่ 11 เนื่องจากมีนักกีฬาระดับโลก และแชมป์พาราลิมปิกเกมส์ ต่างโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยม โดยประเภทบุคคล BC1 รอบแรก  วิษณุ ฮวดประดิษฐ์ เจ้าของเหรียญทองประเภททีม พาราลิมปิกเกมส์ 2020 ชนะ ทินกร เทพแดง  6-1 คะแนน,  ประเภทบุคคล BC4  รอบแรก พรโชค ลาภเย็น เหรียญเงินพาราลิมปิกเกมส์ 2020 และมือ 1 ของโลก ชนะ  พงศกร เล็กทองแดง  8-0 คะแนน, ประเภทบุคคล BC2  รอบแรก วัชรพล วงษา เหรียญทองพาราลิมปิกเกมส์ 2020 ชนะ ภาคภูมิ ลินชุม 4-2 คะแนน