ดีทมาร์ ฮามันน์ อดีตกองกลางลิเวอร์พูลชุดคว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เมื่อปี 2005 เคยเผยถึงเหตุการณ์สูบบุหรี่ร่วมกับเดวิด มัวร์ส ประธานสโมสรผู้ล่วงลับหลังเกมที่อิสตันบูลนัดนั้น

           เดวิด มัวร์ส อดีตประธานและเจ้าของทีมลิเวอร์พูล เคยสูบบุหรี่ด้วยกันกับดีทมาร์ ฮามันน์ หลังคว้าแชมป์ที่อิสตันบูล เมื่อปี 2005 โดยหงส์แดงได้เผยข่าวเศร้าเกี่ยวกับการถึงแก่กรรมของมัวร์ส ในวัย 76 ปีเมื่อวันศุกร์ที่ 22 กรกฎาคม 2565 ที่ผ่านมา ซึ่งเจ้าตัวดำรงตำแหน่งประธานสโมสรเป็นเวลา 16 ปีตั้งแต่ปี 1991 โดยตระกูลมัวร์สถือ
หุ้นใหญ่ก่อนขายออกไปเมื่อปี 2007

 

          แต่เห็นได้ชัดว่ามัวร์ส เป็นแฟนตัวยงของหงส์แดง และดูเหมือนว่าจะสร้างมิตรภาพกับผู้เล่นหลังจากที่ลงทุนอย่างหนักไปกับพวกเขา ค่ำคืนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเขาที่ลิเวอร์พูลไม่ต้องสงสัยเลยว่าคือนัดชิงชนะเลิศยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ปี 2005 ที่อิสตันบูล ทีมของราฟา เบนิเตซ พลิกจากการตกเป็นฝ่ายตามหลัง 3-0 ในครึ่งแรกกลับมาเอาชนะจุดโทษในค่ำคืนที่ยากจะลืมเลือนสำหรับคนที่หลงรักเกมกีฬาชนิดนี้ และฮามันน์อดีตกองกลางของหงส์แดงได้เคยเล่าเรื่องราวที่เขาและมัวร์สสูบบุหรี่ด้วยกันในห้องอาบน้ำหลังเกม โดยภาวนาว่าเบนิเตซจะไม่มาเจอพวกเขา

 

           ฮามันน์แบ่งปันความทรงจำดังกล่าวไว้ในหนังสือของเขา The Didi Man: My Love Affair with Liverpool เอาไว้ว่า: "ผมนั่งคิดทบทวนอยู่ครู่หนึ่งเมื่อเห็นเดวิด มัวร์ส ประธานสโมสรลิเวอร์พูลเข้ามา เขามีรอยยิ้มกว้างบนใบหน้าและน้ำตาก็ไหลอาบแก้ม” “ผมยืนมองขณะที่เขาเข้ามาในห้อง จับมือและกอดทุกคนที่เขาเดินผ่าน เมื่อเขาเข้ามาระยะประชิด ผมเอนตัวไปหาเขาแล้วพูดว่า 'ท่านประธานครับ ผมต้องการพบท่านที่ห้องทำงานของผมสักครู่' ผมพยักหน้าไปทางห้องอาบน้ำอย่างลับๆ"

 

           “เขายืนกับผมในห้องอาบน้ำและดูสับสน แต่เขาก็ทนกับพฤติกรรมแปลกๆ ของผม เราเป็นเพื่อนกันเพราะเรามีบางอย่างที่เหมือนกัน เราเป็นแค่สองคนในสโมสรที่สูบบุหรี่ เมื่อผมพาเขามาอยู่ในนั้นผมก็พูดว่า 'ท่านประธานครับ ผมต้องการบุหรี่ เร็วๆ สิ ขอบุหรี่ของท่านให้ผมสักมวน'" "เขามองมาที่ผมราวกับว่าผมขอเขาให้มิลานนำถ้วยกลับบ้านอย่างงั้นเลย 'แต่ไกเซอร์' เขาพูดด้วยเสียงกระซิบน้ำเสียงประหนึ่งเด็กนักเรียนซุกซนคนนึงที่ตระหนักถึงสถานการณ์วิกฤติที่เกิดขึ้นและกลัวว่าจะมีปัญหาหากใครมาได้ยิน 'ฉันทำไม่ได้ จะเกิดอะไรขึ้นถ้าราฟาเข้ามา?'" "น่าเหลือเชื่อเพราะผมกระซิบออกไปด้วยความตระหนักถึงวิกฤติที่เกิดขึ้นมากกว่าเขาซะอีก ผมอยากดูดบุหรี่มากกว่ากลัวที่จะมีใครจับได้ 'ท่านประธานครับ' ผมพูด 'คุณเป็นเจ้าของสโมสรแห่งนี้นะ จำไม่ได้เหรอ? ถ้าเขาเข้ามา คุณก็แค่บอกว่าไกเซอร์กำลังสูบบุหรี่และเราจะจัดการต่อหลังจากนี้เอง โอเคมั้ย?"

           “เขาตกลงทั้งที่ยังลังเลและดึงซองบุหรี่ออกมา ในที่สุดผมก็ก้าวเข้าไปในตู้อาบน้ำและประธานก็จุดบุหรี่ของเราทั้งคู่ เราสูดดมควันบุหรี่กันอยู่นานมากแล้วเราก็มองหน้ากันอยู่นานมากๆ เขาน้ำตาไหลอาบแก้ม ตัวสั่นมากๆ จนเถ้าบุหรี่ของเขาตกลงมาที่พื้น เรายืนมองหน้ากันอย่างไม่เชื่อสายตา" "ไม่มีคำพูดใดๆ เพราะไม่มีคำใดที่สามารถอธิบายสิ่งที่เรารู้สึกได้"

 

           ทั้งนี้ลิเวอร์พูลได้ออกมาประกาศในแถลงการณ์ที่เผยแพร่บนเว็บไซต์ของสโมสรถึงข่าวการเสียชีวิตของมัวร์ส หลังจากที่ก่อนหน้านี้เพียงแค่ไม่กี่สัปดาห์เท่านั้น ก็เพิ่งพบข่าวเศร้าเมื่อต้องสูญเสีย มาร์จ ภรรยาซึ่งครองคู่อยู่ด้วยกันยาวนานถึง 39 ปีต้องจากไปอย่างไม่มีวันกลับ สำหรับ มัวร์ส นั้นทำหน้าที่เป็นเจ้าของและประธานสโมสร
ระหว่างปี 1991 ถึง 2007 โดยรับหน้าที่เป็นประธานในช่วงเวลาที่แกรม ซูเนสส์ คุมทีม มัวร์ส จ้างรอย อีแวนส์, เชราร์ อุลลิเย่ร์ และราฟา เบนิเตซ เข้ามาเป็นผู้จัดการทีมตลอดระยะเวลาที่เขาดำรงตำแหน่ง

 

          แม้ว่าหงส์แดงจะไม่สามารถคว้าแชมป์พรีเมียร์ ลีก มาครองได้ในช่วงเวลานั้น แต่พวกเขาก็คว้าแชมป์รายการสำคัญถึง 10 รายการภายใต้ความเป็นเจ้าของของมัวร์ ซึ่งรวมถึงแชมป์เอฟเอ คัพ, ลีก คัพ และยูฟ่า คัพ ในปี 2001 และแน่นอนแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ในปี 2005 โดยชัยชนะเหนือเอซี มิลาน ในอิสตันบูลนั้นโด่งดังที่สุดในประวัติศาสตร์ของสโมสร เมื่อทีมของเบนิเตซตามหลัง 3-0 ในครึ่งแรกกลับมาคว้าถ้วยยุโรปสมัยที่ 5 จากการดวลจุดโทษ ทั้งนี้ตระกูลมัวร์ส เป็นเจ้าของส่วนใหญ่ของลิเวอร์พูลมานานกว่าห้าสิบปี ก่อนที่มัวร์ส จะตกลงขายสโมสรให้กับกลุ่มทุนจากสหรัฐอเมริกาอย่าง ทอม ฮิคส์ จูเนียร์ และ จอร์จ ยิลเล็ตต์ ในปี 2007 ด้วยเหตุผลว่าเขาไม่มีเงินพอที่จะให้หงส์แดงแข่งขันกับทีมอย่างแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และ เชลซี ของโรมัน อับราโมวิช