“มาดามแป้ง” นางนวลพรรณ ล่ำซำ  จับมือพันธมิตร บริษัมเอกชน มอบรางวัลอัดฉีดคว้าแชมป์ฟุตบอล “เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2020” พร้อมเผย เตรียมต่อสัญญาใหม่ให้  “มาโน่ โพลกิ้ง” คุมทัพ “ช้างศึก” ทีมชาติไทย ชุดใหญ่เพื่อสานงานต่อ แต่ยังไม่ชี้ชัดระยะสั้นหรือ ระยะยาว

เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 13 มกราคม 2565 ที่ห้องประชุม เมืองไทยประกันภัย ถ.รัชดาภิเษก “มาดามแป้ง” นวลพรรณ ล่ำซำ กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมืองไทยประกันภัย จำกัด (มหาชน)ในฐานะผู้จัดการทีมฟุตบอลทีมชาติไทย เป็นเจ้าภาพจัดมอบรางวัลอัดฉีด แก่ทัพช้างศึก หลังคว้าแชมป์อาเซียน รายการเอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2020 ด้วยสถิติแชมป์ไร้พ่ายและแชมป์มากที่สุดในอาเซียนถึง 6 สมัย โดยมอบรางวัลอัดฉีดก้อนใหญ่ จาก 25 หน่วยงาน รวมกว่า 26,000,000 บาท

ด้าน “มาดามแป้ง” นวลพรรณ ล่ำซำ เผยถีงการจัดงานครั้งนี้ว่า “นับเป็นความภาคภูมิใจที่ได้เป็นส่วนเล็กๆ ของฟุตบอลทีมชาติไทยชุดนี้ ที่สร้างรอยยิ้มและความสุขให้แก่คนไทยในช่วงสถานการณ์ที่ยากลำบาก ด้วยทุกคนในทีมต่างแสดงให้เห็นถึงความสามัคคี ซึ่งส่งต่อมาสู่แฟนบอลชาวไทยที่ร่วมเชียร์ทีมชาติไทย ด้วยความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ชัยชนะและความสำเร็จย่อมเป็นส่วนที่ช่วยคลี่คลายวิกฤตศรัทธาที่ต้องใช้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าเราจะก้าวผ่านวิกฤตไปด้วยกันได้หรือไม่”   

“ขอบคุณแรงใจ แรงสนับสนุนจากผู้ใหญ่ในวงการกีฬา ประธานสโมสรทุกสโมสรทั้งในไทยและต่างประเทศขอบคุณทุกเสียงเชียร์จากประเทศไทยซึ่งดังไกลไปถึงสิงคโปร์ และขอบคุณจากใจไปถึงทุกหน่วยงานเพื่อนพี่น้องพันธมิตรทางธุรกิจที่เข้ามาเป็นหนึ่งแรงหนุนกำลังใจให้น้องๆ ชุดนี้จำนวนมาก เพื่อร่วมพัฒนาวงการฟุตบอลไทยไปด้วยกัน”

ขณะเดียวกันผู้สื่อข่าวสอบถามถึงเรื่องการต่อสัญญากับทาง มาโน่ โพลกิ้ง หัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมชาติไทย ที่เซ็นสัญญาระยะสั้นจนจบการแข่งขันเอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ ที่ผ่านมา ซึ่งมาดามแป้งกล่าวว่า ตอนนี้ได้มีการพูดคุยแล้วว่าจะต่อสัญญาออกไป กำลังรอดูโปรแกรมการแข่งขันต่างๆ ว่าจะเซ็นระยะสัญญานานแค่ไหนเมื่อเรียบร้อยก็จะมีการประกาศอย่างเป็นทางการ “ผู้จัดการทีมชาติไทย” กล่าวว่า มาโน่และทีมงานทั้งหนึ่งฤทัย สระทองเวียน และจเด็จ มีลาภ ถือว่าทำผลงานได้ดี และน่าจะตอบโจทย์ในการทำทีมชาติไทยต่อไป

ด้าน “เมสซี่เจ” ชนาธิป สรงกระสินธ์ กัปตันทีมชาติไทย กล่าวว่า ขอบคุณสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ, มาดามแป้ง และทุกๆ คน เรารู้ว่าจะต้องเป็นแชมป์ให้ได้ แต่ที่ทำได้ก็เพราะการสนับสนุนจากทุกคน ทั้งคนที่เสียสละเพื่อทีมอย่าง กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์ ที่สูญเสียบิดา หรือทั้ง ฉัตรชัย บุตรพรม, มานูเอล ทอม เบียร์ห และเอเลียส ดอเลาะ ที่ต้องผ่าตัดเข่าทั้งหมด ยังมีหมอ, นักกายภาพ และคิทแมน ที่คอยดูแลทีมมาตลอด

“พวกเราไม่ได้เล่นเพื่อเงินอัดฉีด เงินเราได้จากสโมสรอยู่แล้ว แต่เราเล่นเพื่อเป็นเกียรติให้กับวงศ์ตระกูล และเมื่อทำผลงานในทีมชาติได้ดีก็ทำให้เราสามารถมีเงินที่ดีจากสโมสรได้ อยากให้ทุกคนช่วยกันสนับสนุนวงการฟุตบอลไทยมากๆ เพราะเราไม่ได้มีเป้าหมายแค่อาเซียน ไม่งั้นเราก็จะวนลูปอยู่แค่นี้ เราเชื่อว่าสามารถไปเล่นระดับเอเชียได้ และถ้าไปถึงระดับเอเชีย เราก็สามารถไปต่อในระดับโลกได้” ชนาธิปกล่าวปิดท้าย

นอกจากนี้ ชนาธิปยังกล่าวถึงการย้ายไปคาวาซากิ ฟรอนตาเล่ ว่า ทุกครั้งที่เล่นมีความกดดันอยู่แล้ว เรารู้อยู่แล้วว่าการไปในครั้งนี้มันคือความท้าทาย อยากจะพาทีมคว้าแชมป์ให้ได้ เข้าไปอยู่ในทีมให้ได้ ไม่ใช่เพื่อตัวเองแต่เป็นเพื่อรุ่นน้องนักเตะไทย ถ้าไปแล้วทำได้ดี มีผลงานที่ดี เป็นแรงบันดาลใจที่ดีให้กับนักเตะรุ่นหลังได้

ทั้งนี้ ทีมชาติไทย ชุดแชมป์เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2020 จะได้รับอัดฉีดรวมทั้งหมด 46 ล้านบาท แบ่งออกเป็น 10 ล้านบาทจาก พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย, “มาดามแป้ง” และผู้ร่วมอัดฉีด 25 หน่วยงาน 26 ล้านบาท, และเงินรางวัลจากฝ่ายจัดการแข่งขัน ราว 10 ล้านบาท