SMM Sport จัดทีม 11 ผู้เล่นยอดแย่ในศึก ยูโร 2020 ที่เพิ่งรูดม่านปิดฉากลงไปเมื่อวันอาทิตย์ที่ 11 กรกฎาคม ที่ผ่านมา

ศึกฟุตบอล ยูโร 2020 ที่เพิ่งรูดม่านปิดฉากไปเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาจบลงด้วยความชื่นมื่นของ ทีมชาติอิตาลี ล่าสุดได้มีการประกาศ 11 ผู้เล่นยอดเยี่ยมออกมาแล้ว แต่อย่างไรก็ตามย่อมก็ต้องมี 11 ผู้เล่นยอดแย่ด้วยเช่นกัน โดยมีนักเตะชื่อดังหลายรายทำผลงานได้อย่างย่ำแย่ในรายการนี้ ทั้งๆ ที่พวกเขาทำผลงานได้ดีเยี่ยมในนามสโมสร วันนี้ทาง SMM Sport ได้รวบรวม 11 ผู้เล่นที่ฟอร์มไม่ปังใน ยูโร 2020 มาให้รับชมกัน จะใครกันบ้าง (ระบบการเล่น 4-2-3-1)

ผู้รักษาประตู : อูโก้ ยอริส (ฝรั่งเศส)

นายทวารทีมชาติฝรั่งเศสเก็บได้ 1 คลีนชีทในเกมที่พบกับ เยอรมนี และมีส่วนร่วมในประตูตีเสมอ ฮังการี 1-1 รวมไปถึงเซฟลูกโทษของ ริคาร์โด้ โรดริเกวซ ในเกมรอบ 16 ทีมสุดท้ายที่พบกับ สวิตเซอร์แลนด์ แต่อย่างไรก็ตามนายทวารจาก สเปอร์ส กลับทำผลงานตรงเป็นตุงทั้งๆ ที่มี ราฟาเอล วาราน กับ พรินเซล คิมเพมเบ้ เป็นกองหลัง โดยเขาเสียไปถึง 6 ประตูใน ยูโร หนนี้

แบ็กขวา : แบ็งฌาแม็ง ปาวาร์ (ฝรั่งเศส)  

โชว์ฟอร์มยอดเยี่ยมใน ฟุตบอลโลก 2018 แต่มารายการชิงแชมป์แห่งชาติยุโรปหนนี้มาตรฐานที่ ปาวาร์ เคยทำไว้ตกลงอย่างชัดเจน หลังจากย้ายไปเป็นตัวสำรองที่ บาเยิร์น มิวนิค เมื่อปี 2018 ทำให้โอกาสลงสนามของเจ้าตัวไม่สม่ำเสมอเท่าที่ควร

เซ็นเตอร์แบ็ก : รูเบน ดิอาส (โปรตุเกส)

เจ้าของรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของ พรีเมียร์ลีก ในฤดูกาล 2020-2021 แต่ฟอร์มในเกมทีมชาติสำหรับรายการนี้ ดิอาส ไม่สามารถดึงฟอร์มเก่งจากที่เล่นกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ได้เลยราวกับว่าเป็นคนละคนที่ "เรือใบสีฟ้า" โดยทัพ "ฝอยทอง" โดนเจาะตาข่ายไปถึง 7 เม็ดในรายการนี้

เซ็นเตอร์แบ็ก : มัทไตจ์ส เดอ ลิกต์ (เนเธอร์แลนด์)

แข้งตัวความหวังเมื่อทัพ "อัศวินสีส้ม" ขาด ฟาน ไดจ์ค มายืนค้ำหลัง แต่เขาก็สร้างจุดด่างพร้อยในนัดเจอกับ สาธารณรัฐเช็ก ในรอบ 16 ทีมสุดท้าย โดยที่ เดอ ลิกต์ โดนใบแดงไล่ออกจากสนาม เนื่องจากเอามือไปคว้าบอลจนจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้ เนเธอร์แลนด์ จอดป้ายแค่รอบนี้

แบ็กซ้าย : ริคาร์โด้ โรดริเกวซ (สวิตเซอร์แลนด์)

จุดด้างพร้อยของเขาเกิดขึ้นในเกมพบกับ ฝรั่งเศส ซึ่งหลังจากที่ซัดจุดโทษพลาด จิตใจของเขาก็ล่องลอยออกทะเลไปเลยทั้งๆ ที่เพื่อนร่วมทีมต่างรวมพลังฮึดสู้จนโค่นทัพ "ตราไก่" ลงได้ ยกเว้นเขาที่หลอนประสาทจากการยิงจุดโทษพลาดไม่หาย

กองกลาง : โจ อัลเลน (เวลส์)

มิดฟิลด์จาก สโต๊ค ซิตี้ ไม่มีอะไรให้น่าจดจำในทัวร์นาเมนต์นี้เลย

กองกลาง : ฮาคาน ชัลฮาโนกลู (ตุรกี)

ตุรกี ถูกคาดหวังว่าจะเป็นม้ามือในรายการนี้ แต่ตลอด 3 เกมในรอบแบ่งกลุ่มพวกเขาไม่สามารถสร้างผลงานน่าประทับใจได้เลย โดยในรายของ ชัลฮาโนกลู ก็ไม่สามารถปั้นเกมได้ดั่งที่ทำไว้กับ เอซี มิลาน หรืออาจเป็นเพราะสมาธิเขาอาจลอยไปอยู่ที่การย้ายทีมในช่วงเวลาเดียวกันก็เป็นได้

กองกลาง : บรูโน่ แฟร์นันด์ส (โปรตุเกส)

เป็นอีกหนึ่งแข้งที่ฟอร์มกับสโมสรโดดเด่นสุดๆ และเป็นอีกหนึ่งตัวความหวังของทีมชาติ อย่างไรก็ตาม บรูโน่ กลายเป็นตัวสำรองในทีมชาติ แถมพอเปลี่ยนตัวลงมาก็ทำอะไรไม่ได้เลย เรียกได้ว่ากลายเป็นคนละคนกับที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อย่างเห็นได้ชัด

ปีกขวา : แซร์จ นาบรี้ (เยอรมนี)

โยอาคิม เลิฟ ไว้ใจให้แข้งจาก บาเยิร์น มิวนิค รายนี้ยืนเป็นตัวล่าสกอร์ แต่จนแล้วจนรอด นาบรี้ ก็ไม่สามารถตอบแทนความไว้ใจได้ โดยไม่มีประตูมาฝากแม้แต่ลูกเดียว ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้เขาคือดาวยิงเบอร์ต้นๆ ของยุโรป

ปีกขวา : ราฮีม สเตอร์ลิ่ง (อังกฤษ)

3 ประตูที่ยิงได้ถือว่าเป็นเพียงภาพลวงตา เพราะปีกจาก แมนฯ ซิตี้ รายนี้ล่อเลี้ยงบอลอย่างเดียวไม่สนใจอะไรทั้งสิ้นจนรูปเกมเสียไปหมด แถมยังเล่นยากในทุกๆ จังหวะจนเพื่อนร่วมทีมถึงกับเอือมระอา

กองหน้า : คีลิยัน เอ็มบัปเป้ (ฝรั่งเศส)

เขาคือตัวเต็งคว้าดาวซัลโว และ ตัวเต็งแข้งยอดเยี่ยม แต่ในสิ่งที่เกิดขึ้นจริง เอ็มบั๊ปเป้ ไม่ได้ใกล้เคียงที่จะเป็นแบบที่กล่าวมาเลย ดาวยิงจาก เปแอสเช จบทัวร์นาเมนต์ด้วยการทำประตูไม่ได้ แถมช่วงยิงจุดโทษในเกมกับ สวิตเซอร์แลนด์ เขาก็ยิงพลาดจน ฝรั่งเศส จอดป้ายแค่รอบ 16 ทีมสุดท้าย