อลัน เชียเรอร์ อดีตกองหน้าทีมชาติอังกฤษออกมาตั้งคำถามถึงการตัดสินใจของแกเร็ธ เซาธ์เกต หลังทัพสิงโตคำรามพ่ายแพ้ให้กับอิตาลี ในศึกยูโร 2020 รอบชิงชนะเลิศเมื่อคืนที่ผ่านมา
อลัน เชียเรอร์ ตั้งคำถามกับการตัดสินใจของ แกเร็ธ เซาธ์เกต ในการนำผู้เล่นสองคนมาเล่นในช่วงต่อเวลาพิเศษเพื่อให้ทั้งสองได้ยิงจุดโทษในการดวลลูกโทษตัดสิน ทั้งนี้อังกฤษเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ในการแข่งขัน ยูโร 2020 รอบชิงชนะเลิศ เมื่อคืนที่ผ่านมา (อาทิตย์ที่ 11 กรกฎาคม 2564) จากการดวลจุดโทษให้อิตาลี 3-2 หลังจากเสมอกัน 1-1 หลังต่อเวลาพิเศษ ลุค ชอว์ และ เลโอนาร์โด โบนุชชี่ เป็นผู้ทำประตูของแต่ละฝ่ายในช่วง 90 นาทีแรก และไม่มีฝ่ายไหนทำประตูชัยได้ในครึ่งชั่วโมงที่ต่อเวลาพิเศษ
มาร์คัส แรชฟอร์ด และ เจดอน ซานโช่ ทั้งคู่ลงสนามก่อนดวลจุดโทษเพื่อมารับหน้าที่สังหารให้ทัพสิงโตคำราม แต่ปีกของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และว่าที่เพื่อนร่วมทีมคนใหม่ทั้งคู่ต่างก็ยิงพลาด โดยที่แรชฟอร์ดยิงชนเสา และลูกยิงของซานโช่โดนจานลุยจิ ดอนนารุมม่า เซฟไว้ได้ ผู้รักษาประตูชาวอิตาลียังปฏิเสธลูกยิงของบูกาโย่ ซาก้า หลังจากที่จอร์แดน พิคฟอร์ด เซฟลูกยิงของจอร์จินโญ่ไว้ได้แล้ว อย่างไรก็ตาม เชียเรอร์รู้สึกว่าเซาธ์เกตกำลังขอแรชฟอร์ดและซานโช่มากไปในการที่ให้ทั้งคู่ลงมาและยิงจุดโทษในสถานการณ์ที่กดดันสูงเช่นนี้ โดยอดีตกองหน้าทีมชาติอังกฤษกล่าวว่า
“มันเป็นสิ่งที่ทำได้ยากมาก เป็นการเรียกร้องที่มากไปกับการที่ให้ผู้เล่นสองคนลงมาตอนเหลือเวลานาทีเดียวเพื่อจะบอกว่านายจะต้องไปยิงจุดโทษให้เรา” “คุณอยู่ภายใต้ความกดดันมากพออยู่แล้วในฐานะผู้เล่น แต่การเพิ่มความกดดันให้กับสองคนนั้นเมื่อคุณไม่มีความรู้สึกเกี่ยวกับเกม, ไม่เกี่ยวข้องกับเกมเลย และจากนั้นคุณก็ถูกส่งลงไปในสถานการณ์นั้น มันเป็นข้อเรียกร้องที่หนักมากๆ ต่อพวกเขา"
กูรูของ BBC แสดงความเห็นใจต่อแรชฟอร์ด, ซานโช่ และ ซาก้า และกล่าวเสริมว่า
“ฟุตบอลเป็นเกมที่โหดร้ายในบางครั้ง และตอนนี้ก็เป็นหนึ่งในนั้น” “เด็กพวกนั้นเล่นได้อย่างวีรบุรุษมาหนึ่งเดือนแล้ว น่าเสียดายที่ต้องตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้” “เราเคยพูดมาก่อนแล้วว่ามันคือสถานการณ์เลวร้ายหากเราต้องไปอยู่ตรงนั้น มันน่าทึ่งสำหรับอิตาลี” “ผมแค่รู้สึกเห็นใจแรชฟอร์ด, ซานโช่ และซาก้า เด็กๆ เหล่านี้ได้เรียนรู้มากมายกับเรื่องที่จะต้องรับมือในอนาคตและช่างโหดร้ายเหลือเกิน”
แต่ริโอ เฟอร์ดินานด์ อดีตแข้งทีมชาติอังกฤษไม่เห็นด้วยกับเชียเรอร์ โดยเผยว่า
“มันเกิดขึ้นมาหลายปีแล้วกับการส่งนักเตะลงไปในช่วงท้ายเกม บางทีอาจไม่ช้าขนาดนี้แต่ก็ลงมาในช่วงท้ายเกม, 5 นาที 4 นาที หรือ 3 นาทีสุดท้าย" “ผู้เล่นลงมาในสนามและพวกเขาก็ก้าวต่อไปในฐานะคนยิงจุดโทษเพราะพวกเขาได้รับการยอมรับ แรชฟอร์ดคือคนรับหน้าที่ยิงจุดโทษของแมนฯ ยูไนเต็ด สิ่งนี้เกิดขึ้นได้” “เรามองย้อนกลับไปหลายปีในทัวร์นาเมนต์ฟุตบอล ผู้เล่นที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ผู้เล่นที่ดีที่สุดในโลกบางครั้งก็พลาดจุดโทษได้ พวกเขาเหล่านี้ยังเด็ก พวกเขาต้องมองไปตรงนั้น ผู้เล่นที่ยิ่งใหญ่ในอดีต [โรแบร์โต้] บาจโจ้ ฯลฯ ก็พลาดจุดโทษสำคัญเช่นกัน”
จากนั้นเชียเรอร์ก็ตอบว่า: “เมื่อคุณไม่ได้มีส่วนสำคัญในทัวร์นาเมนต์หรือในเกม จากนั้นก็ต้องลงมาและถูกร้องขอในเวลานาทีเดียว ในสถานการณ์นั้น คุณต้องทำให้ถูกต้อง” “คุณไม่ได้เตะฟุตบอล.. คุณนั่งเฉยๆ โดยไม่ทำอะไรมาสามชั่วโมง”
- คีน จวก 'สเตอร์ลิ่ง-กรีลิช' หลังอังกฤษชวดแชมป์ยูโรให้อิตาลี
- เผยสาเหตุเฮนโด้ปะทะเดือดดอนนารุมม่าระหว่างช่วงพักครึ่ง
- เซาธ์เกตแจงการตัดสินใจเลือกผู้ยิงจุดโทษหลังอังกฤษชวดแชมป์ยูโร
- อิตาลี ดวลเป้าเฮ 3-2 ดับฝัน อังกฤษ คาบ้าน ผงาดแชมป์ยูโรสมัยสอง
แฟรงค์ แลมพาร์ด อดีตกองกลางทีมชาติอังกฤษซึ่งนั่งชมเกมอยู่ข้างเชียเรอร์และเฟอร์ดินานด์ในสตูดิโอของ BBC กล่าวว่า “หากมีคนหรือคนที่ใช่ที่จะโอบกอดพวกเขา ก็คือแกเร็ธ เซาธ์เกต ที่เคยอยู่ตรงนั้น" “สำหรับเด็กๆ ขนาดนั้น ในเวทีแรกๆ ของอาชีพค้าแข้งของพวกเขาต้องถือว่าเป็นนักเตะที่มีความสามารถจริงๆ พวกเขาพยายามอย่างยิ่งยวดที่จะพาฟุตบอลกลับบ้านอย่างที่เราพูดๆ กัน” “มันจะเจ็บปวด ผมไม่สามารถพูดอะไรได้อีก มันจะทำร้ายพวกเขา พวกเขาก้าวขึ้นมาและต้องยกเครดิตกับการก้าวขึ้นมาและแสดงให้เห็นตัวตนของพวกเขากับการทำเช่นนั้น ฟุตบอลช่างโหดร้ายจริงๆ”
ความพ่ายแพ้ของอังกฤษต่ออิตาลีเป็นการแข่งขันในรอบชิงชนะเลิศรายการใหญ่ครั้งแรกในรอบ 55 ปี และพวกเขาหวังว่าจะกลับมาประสบความสำเร็จในฟุตบอลโลก 2022 ในอีก 18 เดือนข้างหน้า
แสดงความคิดเห็น