ทีมชาติอิตาลี สิ้นสุดการรอคอยแชมป์ทวีปยุโรปมายาวนานถึง 53 ปี หลังดวลจุดโทษเอาชนะ ทีมชาติอังกฤษ 3-2 หลังเสมอกันในเวลาปกติ และต่อเวลาพิเศษ 1-1 คว้าแชมป์ ยูโร เป็นสมัยที่ 2 ต่อจากปี 1968

ศึกฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป (ยูโร 2020) คืนวันอาทิตย์ที่ 11 กรกฎาคม 2564 ที่สนามเวมบลี่ย์ ในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ เป็นเกมรอบชิงชนะเลิศ ระหว่าง ขุนพล "อัซซูรี่" ทีมชาติอิตาลี พบกับ ทัพ "สิงโตคำราม" ทีมชาติอังกฤษ  

GOAL เริ่มเกมมาเพียงนาทีที่ 2 อังกฤษ ขึ้นนำอย่างรวดเร็ว 1-0 จากจังหวะโต้กลับ คีแรน ทริปเปียร์ หยอดบอลโด่งจากฝั่งขวาเข้ามาที่เสาสองในกรอบเขตโทษให้ ลุค ชอว์ เติมมายิงด้วยเท้าซ้าย บอลเช็ดเสาเข้าประตูไป

GOAL นาที 67 อิตาลี ตามตีเสมอ 1-1 จากจังหวะเตะมุมฝั่งซ้าย บอลโหม่งเช็ดเลยมาเสาสองที่ มาร์โก แวร์รัตติ พุ่งโหม่งไปชนเสา บอลกระเด้งออกมาเข้าทาง เลโอนาร์โด้ โบนุชชี่ ตามมายิงซ้ำจ่อๆระยะเผาขนเข้าประตูไป  ช่วงเวลาที่เหลือไม่มีประตูเพิ่ม จบเกม 90 นาที เสมอกันที่สกอร์ 1-1 ไปสู้กันต่อในช่วงต่อเวลาพิเศษอีก 30 นาที

เกมในช่วงต่อเวลาพิเศษอีก 30 นาที อังกฤษ กับ อิตาลี ยังเสมอกันอยู่ที่สกอร์เดิม 1-1 ต้องไปดวลลูกจุดโทษตัดสินหาผู้ชนะ ปรากฎว่า ทีมชาติอิตาลี ยิงแม่นกว่าเอาชนะ ทีมชาติอังกฤษ 3-2 ผงาดคว้าแชมป์ ยูโร เป็นสมัยที่ 2 ต่อจากครั้งแรกที่ทัพ "อัซซูรี่" ทำได้ในปี 1968 หรือเมื่อ 53 ปีที่แล้ว

ผู้เล่นตัวจริง ทีมชาติอิตาลี (ระบบการเล่น 4-3-3) : จานลุยจิ ดอนนารุมม่า (ผู้รักษาประตู) - โจวานนี่ ดิ ลอเรนโซ่, เลโอนาร์โด้ โบนุชชี่, จอร์โจ้ คิเอลลินี่ (กัปตันทีม), เอแมร์ซอน พัลเมียรี่ - นิโกโล่ บาเรลล่า, จอร์จินโญ่, มาร์โก แวร์รัตติ - เฟเดริโก้ เคียซ่า, ชิโร่ อิมโมบิเล่, ลอเรนโซ่ อินซินเย่ 

ผู้เล่นตัวจริง ทีมชาติอังกฤษ (ระบบการเล่น 3-4-3-) : จอร์แดน พิคฟอร์ด (ผู้รักษาประตู) - ไคล์ วอล์คเกอร์, จอห์น สโตนส์, แฮร์รี่ แม็กไกวร์, คีแรน ทริปเปียร์, คัลวิน ฟิลลิปป์ส, ดีแคลน ไรซ์, ลุค ชอว์ - เมสัน เม้าน์ท, ราฮีม สเตอร์ลิ่ง - แฮร์รี่ เคน (กัปตันทีม)