อย่างแรกเลยนะครับ นักเตะทีมชาติไทย ชุดซีเกมส์ หัวหน้าผู้ฝึกสอน รวมถึงแฟนฟุตบอลชาวไทย และ คนที่ได้ติดตามชมเกมนี้ คงจะรอคอยที่จะได้เห็น ทีมชาติไทย ผงาดคว้าเหรียญทองให้ได้อีกครั้ง
หลังพลาดไปใน 2 หนก่อน และพวกเขานักกีฬาทุกคนคงตั้งเป้า และ ความหวังกับครั้งนี้ไว้สูงพอสมควร
ต้องยอมรับนะครับ ว่ารูปเกมที่ทำให้เราชวดเหรียญมันมีหลายๆ เหตุการณ์เข้ามาเกี่ยวข้อง และ รวมอยู่ด้วยกัน แน่นอน สิ่งดีๆ มันก็มี สิ่งที่ไม่ดี และ ควรจะเก็บไว้เป็นบทเรียนให้เราก้าวผ่านมันก็เยอะ แต่ทั้งหมดที่กำลังจะเอ่ยต่อจากนี้ จะไม่มีใครจำได้เลย ว่าเราแพ้เพราะอะไร และ เล่นดีมากแค่ไหนในรายการนี้ เพราะทุกคนที่ชมเกมวันนี้ คงจำที่เราไป สาวหมัดกับสต๊าฟฟ์โค้ชอีกทีมมากกว่า ซึ่งเป็นกิริยาการกระทำที่ แย่มากๆ ในคำจำกัดความว่า บอลไทยไปมวยโลก ไม่เกินจริงถ้าคุมได้ชมเกมในวันนี้
มาครับ เราจะมาเริ่มตั้งแต่ครึ่งเวลาแรก ผมมองว่า เราวางหมากผิดไปหน่อย เพราะรูปเกมในครึ่งเวลาแรก เราเล่นไม่ได้ดีไปกว่า อินโดนีเซีย เลย ทั้งๆ ที่เราเป็นฝ่ายเนื้อกว่าอยู่ หน่อยๆ ก่อนเริ่มเกม และเราก็มาพลาดจากทีเด็ด ที่เราก็รู้ทั้งรู้ว่า ลุกทุ่ม คือจุดชี้วัดสำคัญของเกมในค่ำคืนนี้ได้ จนมาพลาดถูกนำ และ แน่นอน ลูกที่ 2 แม้จะดูไร้สปิริตของ อินโดนีเซีย ที่ไม่ยอมเตะคืนให้ ในขณะที่กรรมการเป่าหยุดเกมไปดูตัวเจ็บของผู้เล่นอินโดนีเซีย และดรอปบอลคืน แต่เขาด้นเล่นโยนยาว และเป็นเราที่พลาดเองจนโดนเขายิงหนีออกไป
ซึ่งแน่นอนครับ เรื่องน้ำใจนักกีฬาถือว่า “อิเหนา” สอบตก แต่แง่ของเกมกีฬาพวกเขาไม่ผิด และ มันอยู่ที่สมาธิ ในสนามของพวกเรา ที่ไปพลาดกันเอง จนเป็นที่มาของการเสียประตูนี้
แต่ในความโชคร้าย ก็ยังมีความโชคดีนะครับ เพราะเริ่มครึ่งหลัง เราที่เป็นฝ่ายตามหลังก็กดใส่ จนมาได้ประตูไล่มา ก่อนจะได้ทีเด็ดจากเด็ก 17 อย่าง ยศกร บูรพา ลงมายิงประตูตีเสมอ ซึ่งเหตุการณ์ตอนนั้ก็มีจังหวะ ปะทะคารมกันพอสมควร
ทุกคนคิดเหมือนกันไหมครับ พอเราตีเสมอได้ และต้องไปเล่นช่วงต่อเวลา ผมมีความรู้สึกเล็กๆ ว่า โมเมนตั้ม มันน่าจะกลับมาหาฝั่งเราแบบเต็มๆ และมีโอกาสจะสร้าง ปาฎิหารย์ จากตามหลังกลับมาแซงเป็นแชมป์ แต่แล้ว เราก็มาพลาดกันเองเช่นเดิมจนถูกออกนำ พอหลังจากนั้น เหตุการณ์ วิวาทะ และ ลงไม้ลงมือก็เกิดขึ้น ตามมาเต็มไปหมด ระหว่าง สต๊าฟฟ์โค้ชทีมชาติไทย กับทีมงานของ ทีมชาติอินโดนีเซีย
ซึ่งทุกคนตามให้ดีนะครับ ว่าอีกหนึ่งจุดเปลี่ยนที่ทำให้เรา ตามหลังจนตีเสมอ และมีโอกาสพลิกเป็นแชมป์ต้องมาพังลง และกลายเป็นจมเกมด้วยการเละเป็นขี้เพราะ โสภณวิชญ์ รักญาติ นายประตูเราไปสาวหมัดใส่ผู้เล่นอินโดนีเซีย แน่นอนครับ ทั้งคู่ถูกใบแดงไล่ออก แต่ โสภณวิชญ์ รักญาติ เป็นคนที่อยู่ในสนามส่วน ของอินโดนีเซีย เขาถูกเปลี่ยนออกไปแล้ว ซึ่งเป็นการโดนใบแดงที่โคตรไม่ฉลาด และผมกล้าพูดได้เลย ว่าเป็นอีกจุดเปลี่ยนที่ทำให้เราแพ้ยับ หลังจากนี้
นอกจาก โสภณวิชญ์ รักญาติ ที่ไม่สมควรจะไปสาวหมัดใส่ และ ควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้แล้ว "สต๊าฟฟ์โค้ชทีมชาติไทย" บางคน ก็ไม่สมควรจะไปแสดงกิริยาแบบนั้น ควรจะห้ามและควบคุมอารมณ์ตัวเองให้ดีกว่านี้ ขนานพวกคุณยังห้ามใจตัวเองไม่ได้ นับประสาอะไรกับเด็ก ที่เขาจะฟังและเชื่อพวกคุณ แน่นอน แม้การยั่วยุ เกิดขึ้นได้ แต่การมีสติ และควบคุมอารมณ์ ให้เหมือนกับอายุที่มากขึ้น ตามวุฒิภาวะ มันก็ควรจะมีเช่นกัน
ดังนั้นความพยายามของนักเตะ นักกีฬา รวมถึง สต๊าฟฟ์โค้ช ทั้งหมด ตั้งแต่ก่อนเริ่มแข่งยันนัดสุดท้ายเชื่อเหอะครับ ไม่มีใครสนใจ และไม่มีใครจำได้ เพราะทุกคนเขาจำเหตุการณ์ที่พวกคุณไปก่อความวุ่นวายในซีเกมส์ครั้งนี้กันหมดแล้ว เพราะภาพมันชัด และทุกคนเห็นกันหมด
ผมพูดได้ตรงนี้เลยว่า ฟุตบอลชายซีเกมส์ 2023 คือหนึ่งในรายการที่ทำให้คนไทยผิดหวังมากที่สุด และนักกีฬาจะไม่ถูกจำว่าคุณเล่นได้ดีแค่ไหน เท่ากับการสาวหมัดกันเองของสต๊าฟฟ์โค้ช แน่นอน
แสดงความคิดเห็น