สวัสดีครับ วันนี้ พบกับผม พี คนดูบอล ทีมงาน SMM SPORT เหมือนเดิมประจำทุกสัปดาห์ วันนี้จะมาถึงควันหลงหลังเกมของศึก บิ๊กแมตช์ไทยลีกเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ในเกมที่ การท่าเรือ เอฟซี เปิดบ้าน พบ เมืองทอง ยูไนเต็ด
ซึ่งเกมดังกล่าวจบลงด้วยชัยชนะของผู้มาเยือน ที่พลิกยิงแซง 3 ลูกรวดในครึ่งเวลาหลัง
สำหรับเกมนี้ มีประเด็น ดราม่า ผู้ตัดสินให้พูดถึงหลายจังหวะ วันนี้ผม จะมาพูดถึงประเด็นดังกล่าวที่เกิดขึ้น พร้อมกับอธิบายว่า ผู้ตัดสินตัดสินผิด หรือ ถูก และฝ่ายไหนได้ประโยชน์มากกว่ากัน และเก็บตกหลังเกม ของคู่นี้ให้ฟังด้วย
ต้องพูดก่อนนะครับว่าเกมในคู่นี้ การท่าเรือ แฟนบอลเข้ามาเต็มความจุ ส่วน เมืองทอง ไม่มีผู้ชมเข้าสนามนอกจากแฝงตัวเป็นแฟนท่าเรือ เข้ามา
ซึ่งเกมในครึ่งเวลาแรก การท่าเรือ ทำได้ดีกว่า ครองเกมบุกได้ทั้งหมด และดักทาง เมืองทอง ได้แบบอยู่หมัด ชนิดที่ว่าเกมนี้คงจบตั้งแต่ครึ่งเวลาแรกแล้วหรือเปล่า ซึ่ง ครึ่งแรก มีประเด็นเกี่ยวกับ ผู้ตัดสิน และ ห้อง VAR อยู่หนึ่งจังหวะ ก่อนที่ครึ่งเวลาหลังจะมีอีกประมาณ 2 จังหวะให้พูดถึงกัน ในจังหวะจุดโทษเมืองทอง และ ปฎิเสธ จุดโทษท้ายเกมของการท่าเรือ
เริ่มที่จังหวะแรก ในครึ่งเวลาแรก เป็นจังหวะเข้าบอลกันปกติ ระหว่าง เจสเปอร์ นีโฮล์ม กับ แฮมิลตัน โซอาเรส ซึ่งจังหวะนี้บอลน่าจะมาเข้าทางของ เจสเปอร์ นีโฮล์ม แต่ แฮมิลตัน โซอาเรส ดันไปเตะจะเรียกว่านอกเกมไหมอันนี้ก็แล้วแต่พิจรณาของแต่ละบุคคล แต่สำหรับ ผม ถือว่าสุ่มเสี่ยง ซึ่ง ผู้ตัดสินในสนามไม่ทัน ก็ปล่อยให้เล่น จนห้อง VAR เรียกไปดู แล้วใช้เวลาในการตัดสินใจพอสมควร
ถ้าดูจากภาพย้อนเหตุการณ์นี้ เอาแบบเป็นกลาง ผมว่าจังหวะนี้สุ่มเสี่ยงที่จะเป็นใบแดงมากเพราะบอลไม่ได้อยู่ในบริเวณที่ แฮมิลตัน โซอาเรส เล่น หรือ เตะ ซึ่งบริเวณที่เตะไปโดนเป็นด้านหลังของ เจสเปอร์ นีโฮล์ม แบบเต็มๆ ซึ่งถ้าเป็นนักบอลคนอื่น อาจจะดิ้นทำให้ดูว่ามันอันตราย และ แฮมิลตัน มีโอกาสจะโดนใบแดงมากกว่านี้
พอมันไม่มีแอคชั่นว่าเกิดอะไร พอไปดูกล้องข้างสนาม ซึ่งถ้าถามผม ลูกนี้ควรเป็นใบแดง เพราะเล่นนอกเกมแบบไม่ได้เตะบอล แต่ผู้ตัดสิน ให้ ใบเหลือง ซึ่งถือว่า ใจดีโคตร จังหวะนี้ผมมองว่า การท่าเรือ ได้ประโยชน์ ที่ไม่ถูกไล่ออก
ส่วนจังหวะที่สอง เป็นจังหวะที่ ปรเมศย์ อาจวิไล หลุดกับดักล้ำหน้าเข้าไปในกรอบเขตโทษ และแตะหลบ สมพร ยศ ก่อนจะเสียหลักและจะลุกขึ้นไปเล่นต่อแต่ไปถูก เอเลียส ดอเลาะ เตะทีขาล้มลงไปในกรอบเขตโทษซึ่งจังหวะต่อเนื่องผู้ตัดสินปล่อยให้เล่นต่อ และไปดูห้อง VAR ซึ่งจังหวะนี้ไม่ต้องเถียงเตะถูกขา ปรเมศย์ อาจวิไล จริง ไม่ต้องเถียงเลย ยังไงจังหวะนี้ก็จุดโทษ ตามกติกา ซึ่งตัดสินถูกเพราะไม่โดนบอล
ส่วนจังหวะสุดท้ายที่เป็นปัญหาคือจังหวะที่ แฮมิลตัน โซอาเรส รับบอลในกรอบเขตโทษและกำลังจะยิงแต่ถูก เจสเปอร์ นีโฮล์ม เข้าสกัดซึ่งลูกนี้ก็สกัดไม่โดนบอลเช่นกัน และ แฮมิลตัน โซอาเรส ก็ล้มลงไปในกรอบเขตโทษแน่นอนจังหวะนี้ ผู้ตัดสินปล่อยให้เล่นต่อ และค่อยตามเช็กที่หลังซึ่ง จังหวะนี้ไม่มีการไปดู VAR เพราะทั้งคู่เห็นเหมือนกันคือไม่เป็นลูกฟาวล์ ซึ่งถ้าถามผม จังหวะนี้ มันอยู่ที่ ดุลยพินิจ ผู้ตัดสินเพราะ นีโฮล์ม ก็สกัดไม่โดนบอล แต่ก็ไม่ได้บ่งบอกได้ชัดเจนอยู่ดีว่าถูก ขาของ แฮมิลตัน แบบจังๆ ซึ่งถ้าถามผม ให้ก็ได้ ไม่ให้ก็ได้ ซึ่งผู้ตัดสินไม่ให้ ก็เป็นประโยชน์ของเมืองทอง ไป
แต่หลังจบเกมนี้สิ “โค้ชอั๋น” สุรพงษ์ คงเทพ เดือดจวก ผู้ตัดสินยับ โดย “โค้ชอั๋น” สุรพงษ์ คงเทพ เผยว่า
“สุดท้ายแล้วการตัดสินของกรรมการตัดสินกันได้แค่นี้ก็ช่างเขา เพราะสโมสรเราไม่มีวันที่จะมาฟ้องร้องกรรมการ ผลสุดท้ายคนเก่งๆเขาก็รู้ว่าฟาวล์หรือไม่ฟาวล์ ซึ่งสุดท้ายเวรกรรมมันก็มีจริง ถามว่ามี VAR แล้วมันก็ไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้น ถ้าใจของคนมันไม่เปลี่ยนไป ก็ไม่มีอะไรจะพูด และก็ต้องยอมรับว่าจะกลับไปปรับปรุง และเราต้องกลับมาให้ได้ เพราะเรายังมีอีกหลายเกมให้ลงเล่น”
ซึ่งในมุมมองคนดูในสนาม เกมนี้ การท่าเรือ พลาดเอง และไม่ควรจะต้องให้มาถึงจุดที่จะต้องมาไล่ตามตีเสมอ หรือ หวัง จุดโทษช่วงท้าย เพราะจริงๆ พวกเขานำไปก่อนถึง 2 ลูก และถ้าจะบอกว่าใครได้เสียประโยชน์เกมนี้ผมมองว่าทั้งคู่ได้เท่ากัน การท่าเรือ โชคดี แฮมิลตัน ไม่ถูกไล่ออกในครึ่งแรก ส่วน เมืองทอง โชคดี ที่กรรมการมองว่า ลูกช่วงท้ายของเกมไม่เป็นการฟาวล์ก็แค่นั้น
ผลการแข่งขันไม่เป็นใจ อารมณ์ ในเกมก็คลุกฝุ่นขึ้นมาก็เป็นเรื่องปกติ แต่ที่สำคัญ เกมนี้ โทษใครไม่ได้ ต้องโทษตัวเอง ที่พลาดจนถูกกลับมาแซงนำ
แสดงความคิดเห็น