เป็นอีกหนึ่งฤดูกาลที่สนุก และตื่นเต้นกันยันเกมนัดสุดท้าย สำหรับ "เอสโคล่า" วอลเลย์บอลไทยแลนด์ลีก ครั้งที่ 18 ฤดูกาล 2022-23 ที่เปิดฉากลงไปเป็นที่เรียบร้อย

รวมไปถึงยังเป็นปีที่ได้รับความสนใจจากแฟน ๆ วอลเลย์บอล เข้ามารับชมเกมการแข่งขันกันอย่างล้นหลาม ที่ เอ็มซีซี ฮอลล์ เดอะมอลล์ บางกะปิ อย่างแน่นขนัด และยังมีคนมารอรับชมตั้งแต่ก่อนที่ประตูเข้าสนามจะเปิดเสียด้วยซ้ำ

ไทยแลนด์ลีก ฤดูกาลนี้ เริ่มต้นกลับมาแข่งขันในช่วงสัปดาห์ที่ 3 ของเดือนพฤศจิกายน 2565 ซึ่งเป็นการกลับมาแข่งขันเร็วที่สุดของลีกเมืองไทย หลังจากที่ใน 3 ซีซันก่อน เริ่มกันค่อนข้างช้า

อย่างในฤดูกาล 2020 กว่าจะปิดฉากแข่งขัน ต้องรอจนถึงเดือนมกราคม 2563 ส่วนในฤดูกาล 2020-21 เริ่มแข่งก็เดือนธันวาคม 2563 รวมไปถึงฤดูกาล 2021-22 ยังเริ่มแข่งขันในช่วงเดือนธันวาคม 2564 ซึ่งถือว่าค่อนข้างช้า และกระชั้นชิด เพราะลีกของไทย จะต้องเร่งแข่งให้จบก่อนเดือนมีนาคม เพื่อให้เวลากับการเก็บตัว

แต่กระนั้น แม้ในฤดูกาลนี้ จะเริ่มแข่งขันเร็วขึ้น แต่การปิดซีซัน ก็จบเร็วเช่นกัน คือสิ้นเดือนกุมภาพันธ์ 2566 รวมแล้วใช้เวลาแข่งขันประมาณ 4 เดือน

ขณะเดียวกัน ก่อนเปิดฤดูกาล ยังมีคำถามจากหลาย ๆ ฝ่าย ว่า ไทยแลนด์ลีก ฤดูกาลนี้ ความน่าสนใจ อาจจะลดน้อยลง เนื่องด้วยบรรดานักตบของวอลเลย์บอลหญิงทีมชาติไทย เดินทางไปเล่นลีกอาชีพยังต่างแดน

แล้ว ไทยแลนด์ลีก บ้านเราจะยังน่าดู หรือน่าสนใจอยู่หรือไม่?

ซึ่งเมื่อเปิดฤดูกาลใหม่เข้ามา สิ่งที่ปฏิเสธไม่ได้เลยคือแต่ละสโมสร ทั้งทีมชาย และทีมหญิง ต่างมีการเปลี่ยนแปลงหลายอย่างในทีม โดยเฉพาะเรื่องของตัวผู้เล่น ที่ต่างมีการผลัดใบผู้เล่นใหม่ ใช้ผู้เล่นดาวรุ่ง และผู้เล่นหน้าใหม่ เข้ามาเป็นกำลังหลักของทีมกับแทบจะทั้งนั้น

นับว่าเป็นก้าวใหม่ของไทยแลนด์ลีก และวงการวอลเลย์บอลไทย ที่เข้าสู่ยุคเปลี่ยนผ่านอย่างแท้จริง บรรดาผู้เล่นตัวเก๋า และตัวเก๋า ยังลงสนามในฐานะรุ่นพี่ที่คอยประคองน้อง ๆ ในทีม และผู้เล่นดาวรุ่ง กับผู้เล่นที่อายุ 20 กลาง ๆ กลายมาเป็นตัวหลักของทีมแทบจะทั้งหมด

กลับมาที่เรื่องการแข่งขัน ในฤดูกาลนี้ เป็นครั้งแรกในรอบ 3 ปี ก็ว่าได้ ที่สนามแข่งขัน ย้ายไปเล่นยังต่างจังหวัด หลังจากที่โดนโควิด-19 เล่นงานมานาน ทำให้การจัดแข่งขันที่ต่างจังหวัดเป็นเรื่องลำบาก และซีซันนี้ ได้ นครปฐม และ นครราชสีมา เป็นสนามแข่งขันเพิ่มเติม

ส่วนเกมการแข่งขัน ในช่วงเลกแรก แต่ละยังอาจจะยังไม่ได้จัดเต็มอะไรกันมาก ทั้งตัวผู้เล่น รูปแบบการเล่น และยุทธวิธีต่าง ๆ ซึ่งเป็นการลองหยั่งเชิงคู่แข่งไปในตัว จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่เกมในแรก อาจจะไม่ค่อยจะตื่นเต้นสักเท่าไหร่

แต่พอเข้าสู่ช่วงการแข่งขันในเลกที่ 2 แต่ละทีมก็เริ่มจริงจังในเกมการแข่งขันมากขึ้น ทั้งเรื่องเสริมตัวผู้เล่น และฟอร์มในสนาม ทว่ายังมีช่วงเวลาที่ต้องเลือกเนื่องด้วยชนกับการแข่งขันกีฬามหาวิทยาลัยแห่งประเทศไทย ในช่วงเดือนมกราคม 2566

และเมื่อเข้าสู่ช่วงการแข่งขันในรอบ Finals หรือใน 2 สัปดาห์สุดท้าย เกมการแข่งขันกลับสนุก เข้มข้นมากขึ้น

ในรอบ Final แม้จะเป็นสัปดาห์ที่แทบจะไม่มีผลอะไรในการจัดอันดับ แต่สิ่งที่เห็นได้ชัดคือ แฟน ๆ ที่เข้ามารับชมเกมการแข่งขันในสนาม ต่างเข้ามาอย่างล้นหลาม และพร้อมใจกันเชียร์ทีมโปรดกันตลอดทั้งวัน แม่เกมในคู่แรก จะเริ่มแข่งขันในเวลา 10.00 น. ก็ตาม

รวมไปถึงความอยากดูยิ่งพุ่งสูงขึ้น เมื่อเข้าสู่เกมในสัปดาห์สุดท้าย หรือรอบรองชนะเลิศ และชิงชนะเลิศ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง วันสุดท้ายที่เป็นเกมในรอบชิงแชมป์ ที่คนดูต่างเข้ามารอตั้งแต่สนามแข่งขันจะเปิดเสียด้วยซ้ำ

และในฤดูกาลนี้ แชมป์ตกเป็นของ นครราชสีมา ฮุ่ยหวาง คิวมินซี วีซี ที่กอดคอ ควงแขน คว้าแชมป์ไปครองได้ทั้งทีมชาย และทีมหญิง ซึ่งเป็นครั้งที่ 2 ของทีม ที่สามารถคว้าแชมป์ไปครองได้พร้อมกัน โดยทั้งคู่เคยคว้าแชมป์พร้อมกันได้เมื่อฤดูกาล 2013-14 หรือเมื่อ 9 ปีที่แล้ว

ซึ่ง นครราชสีมา ทีมชาย ในซีซันนี้ ฟอร์มของทีมค่อนข้างร้อนแรง และแข็งแกร่งในเรื่องของขุมกำลัง และตัวผู้เล่น การได้ 2 ผู้เล่นต่างชาติอย่าง ฮังกัล ทามิรา บีหลังจากมองโกเลีย เป็นส่วนหนึ่งในความสำเร็จอย่างทีมอย่างมาก ในการได้ตัวจบสกอร์ที่ยอดเยี่ยม

รวมไปถึง อาซิซเบ็ก คุชโครอฟ บอลเร็วจากทีมชาติอุซเบกิสถาน เข้ามาเสริมความดุดันในเกมรุกให้กับทีมอย่างดีเยี่ยม และยังได้ กฤษฎา นิลไสว บอลเร็วทีมชาติเข้ามาอีกคน

รวมไปถึงผู้เล่นไทยทั้ง วันชัย ทัพวิเศษ ที่เป็นกำลังหลัก และหัวใจสำคัญของทีม และ ธนัสถ์ บำรุงภักดี ที่ฟอร์มเข้าที่เข้าทางอย่างมาก ทำให้ผลงานของทีมไปในทิศทางที่ดี และลงตัว

ตลอดทั้งฤดูกาล นครราชสีมา คว้าชัยชนะไปได้ทุกเกม โดยในเลกแรก พวกเขาคว้าชัยชนะไปได้ถึง 7 นัดรวด และเสียไปเพียงแค่ 2 เซต ในเกมที่พบกับ ไดมอนด์ ฟู้ด ไฟน์เชฟ-แอร์ฟอร์ซ และ พิษณุโลก วีซี

และในเลกที่ 2 หนุ่มแมวปีศาจ เอาชนะคู่แข่งไปได้ทุกเกมทั้งหมด 5 นัด และไม่เสียเซตเลย ไปจนถึงรอบ Finals ที่ต้องแข่งขัน 3 นัด พวกเขาก็ยังรักษาฟอร์มการเล่นคว้าชัยชนะด้วยสกอร์ 3-0 เซตไปได้ทุกนัด

รอบตัดเชือก โคราช เจอกับ เกาะกูดคาบาน่า เอ็มโปรพลัส เดอะแมนไทยแลนด์ และยังเอาชัยมาได้ 3-0 เซต ก่อนที่ในรอบชิงชนะเลิศ ที่เจอกับ พิษณุโลก พวกเขาก็ยังเอาชนะมาได้อีก 3-0 เซต คว้าแชมป์ในฤดูกาลนี้ไปครองได้อีกหนึ่งสมัย และเป็นสมัยที่ 8 มากที่สุดในไทย

ซึ่งถือว่าเป็นการคว้าแชมป์แบบไร้พ่ายครั้งแรกของทีม ด้วยการคว้าชัยชนะได้ทั้งหมด 17 นัดรวด และยังทำสถิติใหม่ของทีมที่คว้าชัยชนะ 18 เกมติดต่อกันในไทยแลนด์ลีก

และผู้เล่นต่างชาติของทีมทั้ง อาซิซเบ็ก คว้ารางวัลบอลเร็วยอดเยี่ยม และ ฮังกัล ยังคว้ารางวัลบีหลังยอดเยี่ยม รวมไปถึงนักกีฬายอดเยี่ยมในฤดูกาลนี้ไปครองเช่นกัน

ส่วนในประเภททีมหญิง ถือว่าเป็นการพลิกล็อกก็ว่าได้ ด้วย ไดมอนด์ ฟู้ด ไฟน์เชฟ-แอร์ฟอร์ซ กลายเป็นทีมที่ผลงานยอดเยี่ยมมาตลอดทั้งฤดูกาล กลับมาโดน "โทเรย์ โมเดล" เล่นงานในนัดชิงชนะเลิศ

ย้อนกลับไปเมื่อฤดูกาลที่แล้ว (2021-22) สถานการณ์แบบนี้เกิดขึ้นกับ สุพรีม (ทิพย) ชลบุรี-อี.เทค ที่พวกเธอมีผลงานในการลงเล่นที่ยอดเยี่ยม ด้วยคว้าชัยชนะไปได้ทุกเกม ทั้งในเลกแรก และสอง และรอบ Finals รวมถึงรอบรองชนะเลิศ

ก่อนที่เกมในนัดชิงชนะเลิศ สุพรีม จะต้องมาเจอกับ ไดมอนด์ ฟู้ด ซึ่งเกมในนัดนั้น กลายเป็นฝั่งของ ไดมอนด์ ฟู้ด ที่เล่นได้อย่างยอดเยี่ยม และฝั่งของ สุพรีม กลับผิดฟอร์มไปดื้อ ๆ และกลายเป็น บลู ทูนา ที่ป้องกันแชมป์ไปได้เป็นสมัยที่ 2 ติดต่อกัน

มาในฤดูกาลนี้ แม้ ไดมอนด์ ฟู้ด จะเปลี่ยนแปลงผู้เล่นในทีมหลายคน แต่ฟอร์มการเล่นของพวกเธอในสนาม ยังคงแข็งแกร่ง และดุดัน แม้จะมีช่วงเวลาที่แต้มตามหลัง หรือเกมเป็นรอง แต่สุดท้าย พวกเธอก็ยังฮึดสู้ แซงกลับมาเอาชนะคู่แข่งไปได้ทุกนัด รวมไปถึงพวกเธอยังเป็นทีมที่จิตใจเข้มแข็ง ในการเล่นเซต 5 ด้วยตลอดทั้งฤดูกาล ชนะในการเล่น 5 เซต มาทั้งหมด 5 นัดด้วยกัน

ซึ่งคู่แข่งขัน ไดมอนด์ ฟู้ด ในรอบชิงชนะเลิศเป็น นครราชสีมา ฮุ่ยหวาง คิวมินซี วีซี ที่ผลงานของทีมค่อนข้างกระท่อนกระแท่น ตั้งแต่ในเลกแรก ที่จบอันดับ 3 แม้จะเสริมตัวผู้เล่นได้ดีในเลกที่ 2 แต่ก็ยังไม่สามารถคว้าชัยต่อคู่แข่งทั้ง ไดมอนด์ ฟู้ด หรือ สุพรีม ได้เลย จนจบอันดับ 3 ในเลก 2

นครราชสีมา มีผู้เล่นอย่าง อรอุมา สิทธิรักษ์ เป็นหัวเสาตัวหลัก และเป็นหัวใจสำคัญในเกมรุกของทีม และยังได้ผู้เล่นต่างชาติจากสหรัฐอเมริกาทั้งคู่ อย่าง แอลลี คัดเวิร์ธ ในตำแหน่งหัวเสา พร้อมด้วย ลอเรน แมทธิวส์ ที่เล่นได้ดีทั้งบอลเร็ว และบีหลัง

ส่วนผู้เล่นคนอื่นในทีมทั้ง จรัสพร บรรดาศักดิ์ กับ ชิตพร กำลังมาก ในตำแหน่งบอลเร็ว และ สิริมา มานะกิจ เป็นมือเซตกัปตันทีม

ซึ่งผลงานในรอบ Finals นครราชสีมา เริ่มด้วยการล้ม สุพรีม ไปได้อย่างยอดเยี่ยม 3-1 เซต แต่กระนั้นก็ยังไปพ่ายให้กับ ไดมอนด์ ฟู้ด ไปอย่างขาดลอยในนัดที่ 2 ด้วยสกอร์ 0-3 เซต

และในรอบรองชนะเลิศ เป็นอีกวันที่พวกเธอเล่นได้อย่างยอดเยี่ยม ในการพบกับ สุพรีม ที่เป็นอีกนัดหนึ่งในฤดูกาลที่ฟอร์มร้อนแรง และเป็นสาวแมวปีศาจ ที่เอาชัยไปได้ 3-0 เซต เข้ารอบชิงชนะเลิศ เป็นครั้งแรกในรอบ 4 ปี หลังจากที่เคยเข้าชิงมาแล้วเมื่อฤดูกาล 2018-19 และพวกเธอคว้าแชมป์ลีกครั้งสุดท้ายในซีซันนั้น

เกมในนัดชิงชนะเลิศ กลับกลายเป็นการเริ่มต้นที่เลวร้ายอย่างมากของ นครราชสีมา ด้วยฟอร์มการเล่นในสนามค่อนข้างผิดฟอร์ม โดน ไดมอนด์ ฟู้ด ทิ้งห่างไปถึง 7-0 ในเซตแรก ก่อนที่ท้ายที่สุด ไดมอนด์ ฟู้ด จะชนะไปก่อน 25-12

แต่หลังจากนั้น โคราช กลับมาเล่นได้ดีมากขึ้น ทั้งในการคว้าชัยชนะเซตสอง หรือแม้แต่ในเซตสาม และสี่ จนทั้งคู่เสมอกัน 2-2 เซต และต้องดวลเซตห้า เป็นการตัดสินหาแชมป์

ซึ่งเกมในเซตตัดสิน ไดมอนด์ ฟู้ด เป็นฝ่ายทำได้ดีตั้งแต่ในช่วงต้นนำถึง 3-0 อีกทั้งยังรักษาช่องว่างก่อนเปลี่ยนแดนที่ 8-6 และยังนำ 10-8 แต่ทว่าหลังจากนั้น นครราชสีมา กลับมาทำได้ 5 แต้มรวด แซงนำไป 13-10 ก่อนที่จะปิดเกมเอาชนะไปได้ 15-11

นครราชสีมา คว้าแชมป์ไทยแลนด์ลีก ไปครองได้เป็นสมัยที่ 5 หลังจากที่ห่างหายไปนาน 4 ปี และผู้เล่นอย่าง อรอุมา สิทธิรักษ์ ที่ผลงานยอดเยี่ยมอย่างมากในนัดชิงชนะเลิศ คว้ารางวัลนักกีฬายอดเยี่ยมไปครองได้ในท้ายที่สุด

และอีกหนึ่งความสำเร็จของ นครราชสีมา คือ "โค้ชต่าย" อนุสร บัณฑิตย์ หัวหน้าผู้ฝึกสอนของทีม ที่สามารถพาทีมประสบความสำเร็จคว้าแชมป์ไทยแลนด์ลีก มาครองได้ทั้งทีมชาย และทีมหญิง นับว่าเป็นโค้ชคนแรกของไทยเลยก็ว่าได้

ส่วน ไดมอนด์ ฟู้ด แม้จะชวดแชมป์ไปในปีนี้ แต่ด้วยการสร้างทีมทั้งตัวผู้เล่นดาวรุ่ง โค้ชไฟแรงอย่าง กิตติคุณ ศรีอุทธวงศ์ ที่ทำให้รูปแบบการเล่นของทีมเป็นไปอย่างดีในหลาย ๆ เกม และเป็นอีกทีมที่เล่นได้สนุก พวกเธอทำได้สุดยอดมาก ๆ

ขณะที่ผลงานของทีมอื่น ๆ อย่าง พิษณุโลก วีซี ที่ในซีซันนี้พวกเขายังทำได้สุดยอด ที่ผ่านเข้าไปชิงชนะเลิศได้อีกครั้ง ด้วยขุมกำลังผู้เล่นที่ใช้ดาวรุ่งในทีม และมี อมรเทพ คนหาญ กัปตันทีมที่คอยเป็นกำลังหลัก ซึ่งการเข้าชิงฯ ได้ 2 ปีซ้อน คงไม่ใช่ที่ง่าย ๆ ที่ใครจะทำได้ แต่พวกเขาทำได้

หลังจากนี้ คงเหลือเพียงรอเวลาที่ดาวตบในทีม ผลิดอกออกผล ประสบความสำเร็จในการคว้าแชมป์ไทยแลนด์ลีก ได้ในอนาคต

ขณะที่ ไดมอนด์ ฟู้ด ทีมชาย แชมป์เก่า ที่พลาดท่าพ่ายในรอบรองชนะเลิศ ก่อนจะจบการแข่งขันด้วยอันดับ 3 พวกเขาก็ยังเป็นทีมที่ยอดเยี่ยม เพียงแต่ประสบปัญหาเรื่องผู้เล่นบาดเจ็บ รวมถึงดาวรุ่งที่ยังขึ้นมาเติมเต็มทีมไม่ทัน แต่เชื่อว่าพวกเขาก็ยังน่ากลัว เป็นทีมเต็งของไทยแลนด์ลีก เช่นเดิม

เกาะกูดคาบาน่า ที่เข้ารอบ Finals ได้เป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน ก็ยังเป็นอีกทีมที่แกร่งที่น่าจับตามอง ด้วยผู้เล่นที่เล่นได้น่าประทับใจ แม้จะเป็นรองคู่แข่งในการเข้ารอบสุดท้ายมาได้ แต่พวกเขาก็ทำให้แต่ละทีมเล่นได้ยากทุกครั้ง ในอนาคต น่าจะเป็นอีกทีมที่แข็งแกร่ง และอาจจะกลายเป็นทีมลุ้นแชมป์ก็เป็นได้

ส่วน สุพรีม ในซีซันนี้ มาพลาดท่าในช่วงรอบ Finals ที่ผู้เล่นดันมาฟอร์มหลุดด้วยกัน บวกกับอาการบาดเจ็บของผู้เล่นหลายคน ทำให้ผลงานออกมาไม่น่าประทับใจเท่าไหร่ ด้วยการจบอันดับ 4 ซีซันหน้า โลมาสีชมพู น่าจะมีการเปลี่ยนแปลงทีมที่น่าสนใจไม่น้อย

ด้าน ขอนแก่นสตาร์ วีซี ที่เข้ารอบ Finals มาได้แบบสะบักสะบอม กลายเป็นว่าผลงานมาแจ่มในเกมนัดสุดท้าย ที่เอาชนะ สุพรีม ในรอบชิงอันดับ 3 ด้วยสกอร์ 3-0 เซต เป็นการทำผลงานที่ดีที่สุด นับตั้งแต่ฤดูกาล 2014-15 อีกทั้งยังเป็นการเอาชนะ สุพรีม ในไทยแลนด์ลีก ครั้งแรกในรอบ 9 ปีด้วย

ซึ่งน่าจะเป็นกำลังใจชั้นดีให้กับทีมเรด ไดโน ในการมีแรงใจสู้ต่อบนลีกสูงสุด ในฤดูกาลต่อ ๆ ไป

ปิดฉากการแข่งขันไทยแลนด์ลีก 2022-23 ด้วยความสนุก ชื่นมื่น และเป็นอีกหนึ่งฤดูกาลที่น่าประทับใจ และยังมีเรื่องให้จดจำ และคุยกันต่อ

และหลังจากนี้ จะเข้าสู่เกมการแข่งขันรายการนานาชาติของทีมชาติไทย ที่จะให้แฟน ๆ ได้ตามลุ้นตามเชียร์กันต่อเนื่องอีกครั้ง