ทัพ “ช้างศึก” ทีมชาติไทย ลงเล่นเกมแรกในรอบรองชนะเลิศ ด้วยการบุกไปปราชัยถึงถิ่น “เสือเหลือง” มาเลเซีย 0-1 และแน่นอนในเกมการแข่งขันมีประเด็น และเหตุการณ์มากมายเกิดขึ้น และนี่คือสิ่งที่ผมเห็น และจะมาสรุปให้ทุกคนได้อ่านกัน

วันนี้ผม พี คนดูบอล ทีมงาน SMM SPORT จะมาพูดถึงประเด็นหลังทัพ “ช้างศึก” ทีมชาติไทย ลงเล่นเกมแรกด้วยความพ่ายแพ้ต่อ “เสือเหลือง” มาเลเซีย 0-1 ในศึกชิงแชมป์อาเซียน หรือ เอเอฟเอฟ มิตซูบิชิอิเล็กทริคคัพ ผม พี คนดูบอล จะมาสรุปว่าในเกมนี้มีอะไรที่ผมเห็น และมีประเด็นที่น่าสนใจอะไรบ้าง

1. มาโน่ โพลกิ้ง เปลี่ยนรูปแบบการเล่น

แน่นอนเกมที่ผ่านๆ มา ทีมชาติไทย ของเรามักเล่นระบบการเล่น 4-4-2 มาโดยตลอด และก็มีเปลี่ยนรูปแบบการเล่น 1 เกมในนัดที่ไปโกงความตายตามตีเสมออินโดนีเซีย ที่เราเหลือผู้เล่น 10 คน เกมนี้ก่อนเกมหลายๆ สำนัก ก็ต่างคาดเดากันไปต่างๆนาๆ และไม่คิดว่ารูปแบบ หรือ ตัวผู้เล่นจะเปลี่ยนแปลงเยอะสักเท่าไหร่ เพราะคงมีบทเรียนในเกมที่ตามเสมอ “อิเหนา” มาแล้ว แต่พอตัวผู้เล่นออกปุ๊ป บวกกับดูเกมการเล่น มาโน่ เปลี่ยนแผนอีกแล้วครับทุกคน เลือก พีรดนย์ ฉ่ำรัศมี ลงมาเล่นกองกลางเป็นระบบ 3 กองกลาง ซึ่งในเกมช่วงแรกดัน สารัช อยู่เย็น ขึ้นสูงไปเป็นตัวไล่บอลทางฝั่งขวา แต่ก็ยืนกลาง 3 อยู่ดีโดยมี ธีราทร บุญมาทัน ยืนต่ำสุด 

 

2. รู้ทั้งรู้ว่าเขามีรูปแบบการโจมตีแบบไหน ก็ยังพลาด

ต้องพูดตามตรงในเกมกับ สิงคโปร์ มาเลเซีย ก็ได้ประตูจากการโยนบอลยาวเข้าไปในกรอบเขตโทษ และพังประตูจนตีตั๋วเข้ารอบรองมาเจอเรา แน่นอนผมเชื่อลึกๆ ว่าเราก็รู้ว่า มาเลย์ ชุดนี้มีรูปแบบการเล่นยังไง แต่เราก็ยังพลาดๆ ง่ายๆ ทั้งๆ ที่รูปเกม และแผงหลังของ มาเลเซีย เรากำลังกดดันได้อยู่แท้ๆ จังหวะโยนยาวจากหลังของผู้เล่นมาเลเซีย เข้าไปในกรอบเขตโทษ และโหม่งชงต่อก่อนจะยิงผ่าน กิตติพงษ์ ภูแถวเชือก เข้าไป แน่นอนเรารู้ว่าเขาจะโจมตีเราด้วยวิธีไหน แต่เราก็ยังพลาด และการเล่นของเขาก็มีมิติเดียว ยิ่วได้ประตูขึ้นนำยิ่งเล่นง่าย ซึ่งจังหวะเสียประตูมันง่ายมาก เราคุมหลวมนิดเดียวเสียประตู รวมถึง ลูกที่ 2 ที่มาเลเซีย ยิงเข้าไป ก็มาจากการโยนจากฟรีคิก ซึ่งเราก็พลาดง่ายๆ โชคดี ที่ลูกนั้นไม่เสียประตู

 

3. สถิติดีไม่ได้บ่งบอกว่าจะเป็นผู้ชนะของเกม

เกมในค่ำคืนนี้ สถิติ การครองบอลตั้งแต่เริ่มเกมก่อนโดนนำ จนมาหลังโดนขึ้นนำ ทีมชาติไทย ของเราทำได้ดีกว่า มาเลเซีย ทุกอย่าง และยิ่งถูกออกนำยิ่งต้องการหาประตูตีเสมอ การครองบอล รวมถึง จังหวะเข้าทำ และส่องประตู ยิ่งอยู่ในกุมมือของเรา แต่เราก็ทำไม่ได้ และทุกเกมที่เราลงเล่นในย่านอาเซียน แน่นอน เราครองบอลและครองเกมได้เหนือกว่าหมด แต่สถิติที่ดีกว่า ไม่ได้บ่งบอกว่าคุณจะเป็นผู้ชนะของเกม และเกมในค่ำคืนนี้ก็เป็นเช่นนั้นเหมือนกัน

 

4. มาโน่ เปลี่ยนเกมช้าไปหรือเปล่า ? 

เกมเราโดนออกนำแน่นอนครึ่งหลังลงสนามมาใช้ชุดเดิม และเดินหน้าเปิดเกมรุกเยอะขึ้น แต่การเปลี่ยนตัวแต่ละครั้งก็เกิดคำถามขึ้นมาในใจเสมอ ว่าทำไมเปลี่ยนช้าจัง เปลี่ยนนาทีท้ายๆ เปลี่ยนทำไมไม่รอหมดเวลาไปเลยละ ? หรือไม่เชื่อใจกับบรรดาสำรองที่อยู่ข้างสนาม เลยไม่เปลี่ยนลงไปเล่น โดยเฉพาะการถอด บดินทร์ ผาลา และ เอกนิษฐ์ ปัญญา ในนาทีที่ 87 ซึ่งแน่นอนทั้งสองคนไม่ได้เล่นผิดพลาดหรืออะไร เล่นดีด้วยซ้ำโดยเฉพาะ บดินทร์ ผาลา ที่เกือบเรียกจุดโทษให้กับทีมได้แต่แค่สงสัย ว่าเกมมันตามหลังการใช้นักเตะชุดเดิมที่เล่นมาหลายนาทีไม่คิดจะลองหรือปรับอะไรให้เร็วๆ เพื่ออีกฝ่ายจับทางไม่ได้บ้างหรอ และไอ้เวลา เพียง 3 นาทีบวกทดเจ็บ 5 นาที มันจะให้พวกสำรองที่ลงไป โชว์ของอะไรได้ แค่สงสัย แต่ก็ตามนั้นคงมีวิธีคิดแบบเขา 

 

5. กรรมการไม่ให้จุดโทษ 

ต้องพูดตามจริงเราไม่ได้เข้าข้าง ทีมชาติไทย ที่เป็นปะระเทศของเรา แต่หลายๆ อย่างของการตัดสิน มันดูตลกไปมาก ถ้าให้พูดตามความจริงถ้าเกมนี้มี VAR หลายๆ จังหวะของเกมอาจจะเปลี่ยนไป เราอาจจะโดนนำ 2-0 หรือ ได้จุดโทษจาก บดินทร์ ผาลา ไปแล้ว ผมก็ยังเชื่อนะว่าถ้าเกมนี้ไม่ได้เตะที่บ้าน มาเลเซีย กรรมการน่าจะเป่า หรือเป็นการแข่งขันรายการปกติ หรือในลีก หรือมี VAR จังหวะนี้พี่แกน่าจะเป่าไปแล้ว 

แต่ยังไงทั้งหมดทั้งมวลที่พูดมา มีทั้งคนคิดเห็น และคิดต่าง ยังไงเราก็ยังไม่ตกรอบ เราแค่ตามหลังลูกเดียว และเกมนัดต่อไปจะกลับมาเล่นในบ้านของเรา ก็แค่เอาคืนให้สาสม ทำมันให้ได้ ขอแบบเต็มๆ ที่สนาม เพื่อกำลังใจของคนหน้างาน ไม่มีใครผิด แต่มันดีได้กว่านี้ เอาใจช่วย