เดือดแน่! หลังจบรอบแรงในศึกฟุตบอลชิงแชมป์อาเซียนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แชมป์เก่า และตัวเต็งแย่งแชมป์ไม่ผิดคาดทะลุเข้ารองรองได้ทั้งหมด วันนี้ทีมงาน SMM SPORT จะมาสรุปรอบแรงให้ทุกคนได้อ่านกัน

วันนี้ผม พี คนดูบอล ทีมงาน SMM SPORT จะมาพูดถึงบทสรุปรอบแรกในศึกฟุตบอลชิงแชมป์อาเซียน หรือ เอเอฟเอฟ มิตซูบิชิอิเล็กทริคคัพ หลังผ่านรอบแรกไปเป็นที่เรียบร้อยมีใครทะลุเข้ารอบรองบ้าง และผลงานรอบแรกของแต่ละทีมเป็นไง เจาะเฉพาะทีมที่เข้ารอบต่อไป

สำหรับการแข่งขันรายการนี้ แบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม 

* เราจะมาเจาะกลุ่มเอ กันก่อน โดยทีมในกลุ่มเอ มี ทีมชาติไทย , ทีมชาติอินโดนีเซีย , ทีมชาติกัมพูชา , ทีมชาติฟิลิปปินส์ และ ทีมชาติบรูไน

ทั้งนี้ กลุ่ม เอ  

- ทีมชาติไทย เข้ารอบในฐานะจ่าฝูง 

เรามาเจาะลึกกันดีกว่า ทีมชาตไทย ชุดนี้ ลงเล่นในรอบแรก หรือ รอบแบ่งกลุ่ม 4 เกม ชนะ 3 เสมอ 1 เล่นในบ้าน คว้าชัย 2 เกม เยือน ชนะ 1 เสมอ 1

ผลงานในรอบแรกของ ทีมชาติไทย มีดังนี้

นัดแรก ทีมชาติไทย ชนะ บรูไน 5-0 โอกาสครอบครองบอล 80 เปอร์เซ็นต์ โอกาสยิงทั้งหมด 27 ครั้งเข้ากรอบ 16 ไม่เข้ากรอบ 11 เป็น 5 ประตู 

นัดที่สอง ทีมชาติไทย ชนะ ฟิลิปปินส์ 4-0 โอกาสครอบครองบอล 58 เปอร์เซ็นต์ โอกาสยิงทั้งหมด 22 ครั้งเข้ากรอบ 12 ไม่เข้ากรอบ 10 เป็น 4 ประตู

นัดที่สาม ทีมชาติไทย เสมอ อินโดนีเซีย 1-1 โอกาสครอบครองบอล 60 เปอร์เซ็นต์ โอกาสยิงทั้งหมด 5 ครั้งเข้ากรอบ 1 ไม่เข้ากรอบ 4 เป็น 1 ประตู

นัดที่สี่ ทีมชาติไทย ชนะ กัมพูชา 3-1 โอกาสครอบครองบอล 62 เปอร์เซ็นต์ โอกาสยิงทั้งหมด 16 ครั้งเข้ากรอบ 5 ไม่เข้ากรอบ 11 เป็น 3 ประตู

จากผลงานในรอบแรกทำให้ ทีมชาติไทย มีดีพอที่จะเข้าเป็นจ่าฝูงของกลุ่ม ไปพบ มาเลเซีย ทีมรองแชมป์จากกลุ่ม บี โดยรอบแบ่งกลุ่มทั้ง 4 นัด ทัพ “ช้างศึก” มีโอกาสครองบอลอยู่ที่ 65 เปอร์เซ็นต์ มีโอกาสยิงทั้งทัวร์นาเมนต์ในรอบแรก 70 ครั้ง เข้ากรอบ 38 ครั้ง เป็น 13 ประตู 

สำหรับ ผลงาน ในรอบแรกของ “ช้างศึก” รูปเกมอาจจะไม่ได้ข่มคู่แข่งแต่ก็ดีพอเป็นแชมป์กลุ่มด้วยศักยภาพผู้เล่นที่เหนือกว่าค่อนข้างมาก และเสียเพียง 2 ประตูแต่เป็น 2 เกมหลังสุด แถมยิงไป 13 ลูกก็ต้องมารอดูว่าศักยภาพนักเตะที่มีจะรักษาแชมป์ได้ไหม

ดาวยิงตัวความหวังคงยังเป็น “มุ้ย” ธีรศิลป์ แดงดา ซัดไป 5 ประตู 

- ทีมชาติอินโดนีเซีย รองแชมป์กลุ่มเอ

เรามาเจาะลึกกันดีกว่า ทีมชาตอินโดนีเซีย ลงเล่นในรอบแรกไป 4 เกม ชนะ 3 เสมอ 1 เล่นในบ้าน คว้าชัย 1 เกม เสมอ 1 เยือน ชนะ 2 เกม 

ผลงานในรอบแรกของ ทีมชาติอินโดนีเซีย มีดังนี้

นัดแรก ทีมชาติอินโดนีเซีย ชนะ กัมพูชา 2-1 โอกาสครอบครองบอล 55 เปอร์เซ็นต์ โอกาสยิงทั้งหมด 16 ครั้งเข้ากรอบ 8 ไม่เข้ากรอบ 8 เป็น 2 ประตู 

นัดที่สอง ทีมชาติอินโดนีเซีย ชนะ บรูไน 7-0 โอกาสครอบครองบอล 71 เปอร์เซ็นต์ โอกาสยิงทั้งหมด 26 ครั้งเข้ากรอบ 13 ไม่เข้ากรอบ 13 เป็น 7 ประตู

นัดที่สาม ทีมชาติอินโดนีเซีย เสมอ ไทย 1-1 โอกาสครอบครองบอล 40 เปอร์เซ็นต์ โอกาสยิงทั้งหมด 8 ครั้งเข้ากรอบ 3 ไม่เข้ากรอบ 5 เป็น 1 ประตู

นัดที่สี่ ทีมชาติอินโดนีเซีย ชนะ ฟิลิปปินส์ 2-1 โอกาสครอบครองบอล 55 เปอร์เซ็นต์ โอกาสยิงทั้งหมด 16 ครั้งเข้ากรอบ 7 ไม่เข้ากรอบ 9 เป็น 2 ประตู

จากผลงานในรอบแรกทำให้ ทีมชาติอินโดนีเซีย ทำได้เพียงเข้ารองแชมป์กลุ่ม ไปรอพบ แชมป์ของกลุ่ม บี คือ ทีมชาติเวียดนาม โดยรอบแบ่งกลุ่มทั้ง 4 นัด พลพรรค “อิเหนา” มีโอกาสครอบครองบอลอยู่ 55 เปอร์เซ็นต์ มีโอกาสยิงทั้งทัวร์นาเมนต์ในรอบแรก 66 ครั้ง เข้ากรอบ 31 ครั้ง เป็น 12 ประตู 

ถือว่ามีผลงานได้น่าพอใจเพราะยังไม่แพ้ใครด้วยในรอบแรก เสียไปแค่ 3 ประตู และยิงไปถึง 12 และเป็นอีกหนึ่งทีมที่มีกองเชียร์ และมีดาวรุ่งคลื่นลูกใหม่พร้อมขึ้นมาแจ้งเกิดอยู่เสมอ

ดาวยิงตัวความหวังเป็น เอกี้ เมาลานา ที่ซัดไป 2 ประตู 

* มาถึงคราวของกลุ่ม บี โดยทีมในกลุ่มบี มี ทีมชาติเวียดนาม , ทีมชาติมาเลเซีย , ทีมชาติสิงคโปร์ , ทีมชาติเมียนมา , ทีมชาติสปป.ลาว

ทั้งนี้ กลุ่ม บี

- ทีมชาติเวียดนาม เข้าในฐานะแชมป์กลุ่ม

เรามาเจาะลึกกันดีกว่า ทีมชาติเวียดนาม ชุดนี้ ลงเล่นในรอบแรก หรือ รอบแบ่งกลุ่ม 4 เกม ชนะ 3 เสมอ 1 เล่นในบ้าน คว้าชัย 2 เกม เยือน ชนะ 1 เสมอ 1

นัดแรก ทีมชาติเวียดนาม ชนะ สปป.ลาว 6-0 โอกาสครอบครองบอล 70 เปอร์เซ็นต์ โอกาสยิงทั้งหมด 19 ครั้งเข้ากรอบ 8 ไม่เข้ากรอบ 11 เป็น 6 ประตู 

นัดที่สอง ทีมชาติเวียดนาม ชนะ มาเลเซีย 3-0 โอกาสครอบครองบอล 51 เปอร์เซ็นต์ โอกาสยิงทั้งหมด 14 ครั้งเข้ากรอบ 8 ไม่เข้ากรอบ 6 เป็น 3 ประตู

นัดที่สาม ทีมชาติเวียดนาม เสมอ สิงคโปร์ 0-0 โอกาสครอบครองบอล 76 เปอร์เซ็นต์ โอกาสยิงทั้งหมด 16 ครั้งเข้ากรอบ 2 ไม่เข้ากรอบ 12 ครั้ง

นัดที่สี่ ทีมชาติเวียดนาม ชนะ เมียนมา 3-0 โอกาสครอบครองบอล 57 เปอร์เซ็นต์ โอกาสยิงทั้งหมด 14 ครั้งเข้ากรอบ 6 ไม่เข้ากรอบ 8 เป็น 3 ประตู

จากผลงานในรอบแรกทำให้ ทีมชาติเวียดนาม เข้ารอบเป็นแชมป์ของกลุ่ม จะเข้าไปพบ ทีมชาติอินโดนีเซีย ในรอบต่อไป โดยรอบแบ่งกลุ่มทั้ง 4 นัดทัพ “ดาวทอง” มีโอกาสครอบครองบอลอยู่ 63.5 เปอร์เซ็นต์ มีโอกาสยิงทั้งทัวร์นาเมนต์ในรอบแรก 63 ครั้ง เข้ากรอบ 24 ครั้ง เป็น 12 ประตู 

ถือว่า “ดาวทอง” มีฟอร์มการเล่นที่ยอดเยี่ยม ชนะไป 3 เสมอ 1 ยิงไป 12 และไม่เสียประตูเลยในรอบแรก มาตามนัดเข้าเป็นจ่าฝูงไปดวล อินโดนีเซีย ในรอบรอง เป็นการทิ้งทวนคุมทีมทัวร์สุดท้ายของ ปาร์ค ฮัง ซอ ได้อย่างยอดเยี่ยม

ดาวยิงตัวความหวังเป็น เหงียน เทียน ลินด์ ที่ซัดไป 3 ประตู ในรายการนี้

- ทีมชาติมาเลเซีย เข้ารอบในฐานะรองแชมป์กลุ่ม

เรามาเจาะลึกกันดีกว่า ทีมชาติมาเลเซีย ลงเล่นในรอบแรกไป 4 เกม ชนะ 3 แพ้ 1 เล่นในบ้าน คว้าชัย 2 เกม เยือน ชนะ 1 แพ้ 1  

ผลงานในรอบแรกของ ทีมชาติมาเลเซีย มีดังนี้

นัดแรก ทีมชาติมาเลเซีย ชนะ เมียนมา 1-0 โอกาสครอบครองบอล 57 เปอร์เซ็นต์ โอกาสยิงทั้งหมด 11 ครั้งเข้ากรอบ 3 ไม่เข้ากรอบ 8 เป็น 1 ประตู 

นัดที่สอง ทีมชาติมาเลเซีย ชนะ สปป.ลาว 5-0 โอกาสครอบครองบอล 72 เปอร์เซ็นต์ โอกาสยิงทั้งหมด 21 ครั้งเข้ากรอบ 10 ไม่เข้ากรอบ 11 เป็น 5 ประตู

นัดที่สาม ทีมชาติมาเลเซีย แพ้ เวียดนาม 0-3 โอกาสครอบครองบอล 48 เปอร์เซ็นต์ โอกาสยิงทั้งหมด 13 ครั้งเข้ากรอบ 3 ไม่เข้ากรอบ 10 ครั้ง

นัดที่สี่ ทีมชาติมาเลเซีย ชนะ สิงคโปร์ 4-1 โอกาสครอบครองบอล 45 เปอร์เซ็นต์ โอกาสยิงทั้งหมด 15 ครั้งเข้ากรอบ 8 ไม่เข้ากรอบ 7 เป็น 4 ประตู

จากผลงานในรอบแรกทำให้ ทีมชาติมาเลเซีย เบียดแซง สิงคโปร์ เข้าเป็นอันดับสองของกลุ่มไปพบ ทีมชาติไทย ที่เป็นแชมป์กลุ่มเอ โดยผลงานของทัพ “เสือเหลือง” ในรอบแบ่งกลุ่ม ทั้ง 4 นัด มีโอกาสครอบครองบอลอยู่ 55 เปอร์เซ็นต์ มีโอกาสยิงทั้งทัวร์นาเมนต์ในรอบแรก 49 ครั้ง เข้ากรอบ 24 ครั้ง เป็น 10 ประตู

แน่นอนพวกเขาลงเล่นนัดสุดท้ายในการวัดกับ สิงคโปร์ และก็ทำได้พวกเขาเข้ามาเป็นอันดับ 2 ด้วยการชนะ 3 แพ้ 1 ยิง 10 เสีย 5 แต่มันก็เพียงพอทำให้พวกเขาเข้ารอบมาเจอทีมชาติไทย ซึ่งถือว่าน่าสนใจ เป็นคู่รักคู่แค้นหนึ่งทีมในย่านอาเซียนที่ไม่ใช่จะผ่านง่ายๆ เลยสำหรับ มาเลเซีย 

ดาวยิงตัวความหวังเป็น ไฟซาล ฮาลิม ที่ซัดไปแล้ว 3 ประตูในรายการนี้

นี่ก็คือโฉมหน้าของ 4 ทีมที่ได้ผ่านเข้าสู่รอบต่อไป ของศึกชิงแชมป์อาเซียน ในปี 2022 นี้ และทั้งหมดก็คือสถิติ และเกร็ดเล็กๆ น้อยๆ ของแต่ละทีมก่อนจะมีคิวลงฟาดแข้งในรอบรองชนะเลิศ กันในวันที่ 6 และ 7 มกราคม 2566 ที่จะถึงนี้ ในรอบรองชนะเลิศนัดแรก 

โดยเกมวันที่ 6 มกราคม รอบรองชนะเลิศนัดแรก อินโดนีเซีย พบ เวียดนาม วันที่ 7 มกราคม มาเลเซีย พบ ทีมชาติไทย แข่งขันเวลา 19.30 น.

วันที่ 9 มกราคม รอบรองชนะเลิศนัดสอง เวียดนาม พบ อินโดนีเซีย วันที่ 10 มกราคม ทีมชาติไทย พบ มาเลเซีย แข่งขันเวลา 19.30 น.

และใครจะเป็นคู่ชิงชนะเลิศ จะเป็นคู่ชิงในฝันที่แฟนบอลไทยเฝ้ารอหรือเปล่า มารอชมไปพร้อมๆ กัน