พุทธศักราช 2564 ที่ผ่านมา ต้องบอกว่า “วงการฟุตบอลไทย” มีเรื่องราวเหตุการณ์ข่าวสารเกิดขึ้นมากมาย ต้องบอกว่าเป็นปีที่มีทั้งเรื่องที่ดีๆ และไม่ดีปะปนกันไป
งานนี้ทีมงาน SMM SPORT เลยต้องอยากพาย้อนไปเรื่องราวเหตุการณ์สำคัญๆ ที่เป็นประเด็นที่น่าจดจำปี 2564 กันว่าเหตุการณ์เป็นทอล์ค ออฟ เดอะทาวน์ กันบ้าง
“บีจี ปทุม ยูไนเต็ด” ผงาดแชมป์ลีกสูงสุดสมัยแรกเป็นประวัติศาสตร์สโมสร
28 มีนาคม 2564 บีจี ปทุม ยูไนเต็ด ภายใต้การคุมทีมของ “โค้ชโอ่ง” ดุสิต เฉลิมแสน ผงาดคว้าแชมป์ฟุตบอลโตโยต้า ไทยลีก ประจำฤดูกาล 2020/21 ซึ่งเป็นลีกสูงสุดของไทย มาครองได้เป็นสมัยแรกในประวัติศาสตร์สโมสร รอบ 12 ปี นับตั้งแต่เทคโอเวอร์สโมสรมาจากธนาคารกรุงไทยในปี 2009 ด้วยผลงานแข่ง 30 นัด ชนะ 24 เสมอ 5 แพ้ 1 เก็บได้ถึง 77 คะแนน โดยมีแต้มทิ้งห่างอันดับ 2 อย่าง “บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด” ถึง 14 คะแนนเลยทีเดียว เป็นสโมสรแรกที่ตกชั้นและกลับมาคว้าแชมป์ลีกสูงสุดได้ในปีต่อมาทันที นอกจากนี้ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด ยังเป็นทีมที่สอง ต่อจาก “กิเลนผยอง”เมืองทอง ยูไนเต็ด ที่ได้แชมป์ไทยลีก 2 และเลื่อนชั้นขึ้นมาคว้าแชมป์ไทยลีก 1 ต่อทันที
อย่างไรก็ดี ต้องบอกว่าการคว้าแชมป์ครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของ “เดอะแรบบิท” มีเรื่องน่าเสียดายเกิดขึ้นเนื่องจากพวกเขาพลาดสร้างประวัติศาสตร์เป็น “แชมป์ไร้พ่าย” หลังปราชัยให้กับ “กิเลนผยอง” เมืองทอง ยูไนเต็ด ในนัดสุดท้ายของฤดูกาล 2020/21”
ส.บอลไทย ยกเลิกสัญญาลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดฟุตบอลไทย กับ “เซนส์”
6 มิถุนายน 2564 สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ได้ตัดสินใจยกเลิกสัญญาในการถ่ายทอดสดฟุตบอลไทยกับทางบริษัท "ZENSE" เซ้นส์ เอนเตอร์เทนเมนท์ หลังจากก่อนหน้านี้ เซ้นส์ เอนเตอร์เมนท์ ได้ทุ่มเงินกว่า 12,000 ล้านบาท คว้าลิขสิทธิ์ถ่ายทอดฟุตบอลไทย 8 ปี ครอบคลุมทั้ง ฟุตบอลไทยลีก ทั้ง 3 ลีก, และฟุตบอลถ้วย 2 ถ้วย, ฟุตบอลหญิง, ฟุตซอล, ฟุตบอลชายหาด โดยได้ดำเนินการถ่ายทอดสดเมื่อซีซั่นก่อนเป็นฤดูกาลแรก
โดยการยกเลิกสัญญาลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดฟุตบอลไทย กับทาง “เซ้นส์ เอนเตอร์เมนท์” ของ “สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย” ก่อนเกิดขึ้นจาก “เซนส์” ไม่สามารถวางหลักประกัน และเงินงวดแรกได้ โดยทางส.ฟุตบอล กำลังหาผู้ถือลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดรายใหม่อยู่ เช่นเดียวกับฟุตบอลลีกคัพที่กำลังหาสปอนเซอร์ เช่นกัน
พร้อมกันนี้ สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ยันว่าการยกเลิกสัญญากับ “เซ้นท์” จะไม่ส่งผลกระกับการส่วนแบ่งค่าลิชสิทธิ์ถ่ายทอดสด ที่สโมสร ในศึกไทยลีก1-3 ซีซั่น 2020-21 โดยยืนยันว่าสโมสรไทยลีก 1 จำนวน 20 ล้าน+5 ล้าน ขณะที่ สโมสรไทยลีก2 จะได้รับเงินสนับสนุน 5 ล้านบาท และ สโมสรไทยลีก 3 จะได้รับ 1 ล้านบาทตามเดิมแน่นอน
ส.ฟุตบอลฯ แยกทาง “อากิระ นิชิโนะ" กุนซือใหญ่ “ทีมชาติไทย”
9 กรกฎาคม 2564 สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ประกาศแยกทางกับ “อากิระ นิชิโนะ” กุนซือชาวญี่ปุน ของทัพ “ทีมชาติไทย” สังเวยผลงานพา “ช้างศึก” กระเด็นตกรอบฟุตบอลโลก 2022 จบด้วยอันดับที่ 4 ของกลุ่มจี มี 9 คะแนน จากการลงสนาม 8 นัด ไม่สามารถผ่านไปเล่นรอบ 12 ทีมสุดท้าย พร้อมทำให้ “ทีมชาติไทย ต้องไปเล่ยเอเชียนคัพ รอบคัดเลือก รอบสอง โดย สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ให้เหตุผลการแยกทางกับ “อากิระ นิชิโนะ” เนื่องจากผลงาน “ทีมชาติไทย” ไม่เป็นไปตามเป้าหมายของสมาคมตั้งเป้าหมายไว้
สรุปผลงานของ “อากิระ นิชิโนะ”
- ทีมชาติไทย ตกรอบฟุตบอลโลก 2022 รอบคัดเลือก รอบสอง ด้วยผลงาน แข่ง 8 นัด ชนะ 2 เสมอ 3 แพ้ 3 มี 9 คะแนน
- ยู 23 (ชิงแชมป์เอเชีย 2020 ไทยเป็นเจ้าภาพ) พาทีมเข้ารอบ 16 ทีม
- ซีเกมส์ 2019 ชนะ 3, เสมอ 1 และ แพ้ 1 นัด มี 10 คะแนน คว้าอันดับ 3 ของกลุ่ม ตกรอบแรก (แข่งที่ ฟิลิปปินส์)
“ชาญณรงค์” บันทึกประวัติศาสตร์แข้งไทยคนที่สองค้าแข้งแดนกระทิงดุ
29 กรกฎาคม 2564 ชาญณรงค์ พรมศรีแก้ว แข้งดาวรุ่งทีมชาติไทย ผลผลิตจากรั้ว อคาเดมี่ ของ “ฉลามชล” ชลบุรี เอฟซี เซ็นสัญญาย้ายไปค้าแข้งกับ ยูเนี่ยน อดาร์เว ทีมในศึก เตเซร่า ดิวิชั่น (ลีกา 4) ประเทศสเปน ด้วยสัญญายืมตัว 1 ฤดูกาล หลังจาก “เจ้าตัว” ถูก อัลกอร์กอน ทีมในศึก ลาลีก้า 2 (เชกุนด้า ) เชิญไปทดสอบฝีเท้าเป็นเวลา 1 เดือน ก่อนได้รับความสนใจ ยูเนี่ยน อดาร์เว ที่แสดงความต้องการคว้าตัวมาร่วมทีม พร้อมทำให้ “ชาญณรงค์” ถือเป็น “นักเตะไทย” คนที่สองในประวัติศาสตร์ที่ได้ค้าในลีกแดนกระทิงดุ
“ส.บอลไทย” ตั้ง “มาดามแป้ง” นั่งแทน “ผู้จัดการทีม” กู้วิกฤต “ช้างศึก” ชุดใหญ่-ยู23
23 สิงหาคม 2564 สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย แถลงการณ์แต่งตั้ง “มาดามแป้ง” นวลพรรณ ล่ำซำ เป็น “ผู้จัดการฟุตบอลทีมชาติไทยชุดใหญ่” และ “รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี” อย่างเป็นทางการ หลังจาก แยกทางกับ “อากิระ นิชิโนะ” เนื่องจาก “สมาคมฯ เล็งเห็นว่า มาดามแป้ง-นวลพรรณ ล่ำซำ ผู้ซึ่งคลุกคลีอยู่ในวงการฟุตบอลไทยมาถึง 15 ปี มีทั้งความรู้ ความสามารถ และประสบการณ์ในการนำฟุตบอลหญิงทีมชาติไทยไปร่วมแข่งขันฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายมาแล้วถึงสองสมัย และมีสิ่งที่สำคัญที่สุด นั่นคือหัวใจที่รักในฟุตบอลไทย ทั้งในระดับสโมสรและระดับทีมชาติ จึงมีความเหมาะสม มีความพร้อมที่จะเข้ามามีส่วนร่วม เติมเต็มการพัฒนาฟุตบอลชายทีมชาติไทยให้ยิ่งใหญ่และมีความก้าวหน้า เพื่อก้าวขึ้นเป็นทีมชั้นนำของเอเชีย รวมถึงเพิ่มโอกาสในการเข้าร่วมการแข่งขันในเวทีระดับโลกต่อไป
โดย “มาดามแป้ง” นวลพรรณ ล่ำซำ จะทำหน้าที่ผู้จัดการทีมฟุตบอลทีมชาติไทยชายชุดใหญ่ และรุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี (U23) ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป โดยมีภารกิจในการพาทีมฟุตบอลชายทีมชาติไทย รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี เข้าร่วมการแข่งขันฟุตบอลรุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี ชิงแชมป์เอเชีย 2022 รอบคัดเลือก, ทีมฟุตบอลชายทีมชาติไทยชุดใหญ่เข้าร่วมแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติอาเซียน 2021 หรือ เอเอฟเอฟ ซูซูกิคัพ 2021 และฟุตบอลเอเชียนคัพ 2023
“มาดามแป้ง” เลือก “มาโน่ โพลกิ้ง” บังเหียนคุม “ช้างศึก ภารกิจทวง “เจ้าแชมป์อาเซียน”
28 กันยายน 2564 สมาคมกีฬาฟุตบอลฯ และ “มาดามแป้ง” นวลพรรณ ล่ำซำ ในฐานะผู้จัดการทีมชาติไทย ตัดสินใจเลือก “มาโน่ โพลกิ้ง”กุนซือชาวเยอรมัน-บราซิล คุมทัพ “ช้างศึก” ทีมชาติไทย ชุดใหญ่ ชั่วคราว โดยมี จเด็จ มีลาภ และ หนึ่งฤทัย สระทองเวียน สองผู้ฝึกสอนระดับโปรไลเซนส์ มากประสบการณ์ทั้งการแข่งขันในประเทศ และระดับนานาชาติ เป็นผู้ช่วยผู้ฝึกสอนคนไทย เพื่อสอดประสานการทำงานในเชิงเทคนิค การบริหารจัดการภายในของทีมชาติไทยชุดดังกล่าว เพื่อมาร่วมทำงานเพื่อเป้าหมายของทีมชาติไทยโดยมีเป้าหมายเพื่อลุยภารกิจทวงบัลลังค์ “เจ้าอาเซียน” และกู้ศรัทธาแฟบอลไทย ในศึก “เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2020” ระหว่างวันที่ 5 ธันวาคม 2564 - 1 มกราคม 2565
“ยิม” วรชิต อำลา “ฉลามชล” ชบ “บีจี ปทุมฯ” ย้ายทีมเป็นครั้งแรกหลังอยู่ “ชลบุรี” มาอย่างยาวนานถึง 13 ปี
1 ธ.ค.2564 “เดอะ แรบบิท” บีจี ปทุม ยูไนเต็ด ทำเซอร์ไพรส์ “บิ๊กดีล” สร้างความฮือฮาวงการฟุตบอลไทย ในตลาดซื้อขายอีกครั้ง ด้วยการประกาศคว้าตัว “ยิม” วรชิต กนิตศรีบำเพ็ญ จอมทัพเด็กปั้นชลบุรี เอฟซี ที่ค้าแข้งอยู่กับ “ฉลามชล” มา 13 ปี มาร่วมทัพ เพื่อลุยศึก รีโว่ ไทยลีก 2021/22 ในเลกที่ 2 หลังจากที่ผ่านมาสร้างควาฮือฮามาอย่างต่อเนื่อง ด้วยการคว้า “แข้งบิ๊กเนม” อย่างสารัช อยู่เย็น , อันเดรส ตูเญซ , ดิโอโก หลุยส์ ซานโต และ ธีรศิลป์ แดงดา มาร่วมทัพ ก่อนคว้าแชมป์ไทยลีกมาครองเป็นครั้งแรกในรอบ 12 ปี ในปี 2020 อย่างไรก็ดีมีการคาดการกันว่าค่าตัวของ “วรชิต” ในการย้ายจาก “ชลบุรี” มาร่วมทีม “บีจี ปทุมฯ” สูงถึง 30 ล้านบาทเลยทีเดียว
ทั้งนี้ วรชิต กนิตศรีบำเพ็ญ ถือเป็นเด็กสร้างของ ชลบุรี เอฟซี อย่างแท้จริง เมื่อเข้ามาอยู่ในอคาเดมที่ตั้งแต่อายุ 11 ขวบ ก่อนถูกดันขึ้นสู่ชุดใหญ่ ครั้งแรก เมื่อช่วงเลกสอง ฤดูกาล 2014 ปัจจุบันมีสถิติลงเล่นในลีกไป 145 นัด ยิง 33 ประตู พร้อมช่วยทีมคว้าแชมป์ 1 รายการ ในฐานะแชมป์ร่วม ช้าง เอฟเอ คัพ เมื่อปี 2016 นอกจากนี้ วรชิต ยังผ่านการติดทีมชาติไทย ตั้งแต่รุ่น U19 , U21 , U23 และ ชุดใหญ่ ซึ่งปัจจุบันเป็นหนึ่งในผู้เล่นชุดสู้ศึก เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2020 ที่ประเทศสิงคโปร์
“ปราสาทสายฟ้า” ทำฮือฮากระชากตัว “โก๋อุ้ม” กลับถิ่นเก่าชนิดช็อกวงการฟุตบอลไทย
16 ธันวาคม 2564 “ปราสาทสายฟ้า” บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด สร้างความฮือฮาประกาศคว้าตัว “อุ้ม” ธีราทร บุญมาทัน แบ๊กซ้ายทีมชาติไทย ของ “โยโกฮาม่า เอฟ มารินอส” กลับถิ่นเก่า เพื่อกลับมาช่วยทีมล่าความสำเร็จอีกครั้งในรอบ 6 ปี หลังจาก “เจ้าตัว” ลาทีมไปย้ายอยู่กับ “เมืองทอง ยูไนเต็ด ทีมคู่ปรับ ในปี 2016 ก่อนที่จะโยกไปค้าแข้งในเจลีก กับทั้ง วิลเซล โกเบ และ โยโกฮามา เอฟมารินอส จนถึงฤดูกาล 2021
โดยการย้ายกลับมาร่วมทัพ “ปราสาทสายฟ้า” ในครั้งนี้ของ “ธีราทร” มีรายงานว่า “บุรีรัมย์” ได้ซื้อตัว “อดีตเด็กเก่า” กลับมา ทั้งที่ก่อนหน้านี้ “เจ้าตัว” มีข่าวพัวพันกับ “เดอะแรบบิท” บีจี ปทุม ยูไนเต็ด มาอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ดี “บิ๊กเน” เนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ได้ออกมาเปิดเผยค่าตัวของ “ธีราทร” อยู่ที่ 200,000 เหรียญสหรัฐ (ประมาณ 6.7 ล้านบาท) พร้อมกับมารายงานว่าค่าเหนื่อยของ “ธีราทร” กับ “บุรีรัมย์” รอบนี้มีมูลค่า สูงถึง 1.2 ล้านบาทต่อเดือนเลยทีเดียว
สำหรับ“ธีราทร บุญมาทัน” อยู่กับบุรีรัมย์มาตั้งแต่ปี 2010 ลงเล่นในลีกกับบุรีรัมย์ 193 นัด ยิง 15 ประตู ย้ายจากบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด มาอยู่กับ เมืองทอง ยูไนเต็ด ในปี 2016 ก่อนที่จะได้รับโอกาสไปเล่นกับวิสเซล โกเบ ในปี 2018 และโยโกฮามา เอฟ มารินอส ในปี 2019 และได้แชมป์เจลีกในปีดังกล่าว
“ช้างศึก” ทีมชาติ คว้าแชมป์ “ซูซูกิ คัพผงาดกลับครองบัลลังค์ “เจ้าอาเซียน” เป็นของขวัญรับปีใหม่ 2565 ให้ “คนไทย”
1 มกราคม 2565 ทัพ “ช้างศึก” ทีมชาติไทย ภายใต้การคุมทีมของ “มาโน่ โพลกิ้ง” โดยมี “มาดามแป้ง” นวลพรรณ ล่ำซำ เป็นผู้จัดการทีมชาติไทย สร้างความสุขให้คนไทยทั้งประเทศ หลังทำภารกิจทวงแชมป์ “อาเซียน” สำเร็จ ด้วยการต้อนเอาชนะ อินโดนีเซีย ในรอบชิงชนะเลิศฟุตบอลชิงแชมป์อาเซียน “เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2020” ด้วยสกอร์รวม 2 นัด 6-2 (นัดแรก ชนะ อินโดฯ 4-0, นัดที่สอง เสมอ อินโดนีเซีย 2-2) และเป็นการคว้าแชมป์อาเซียน สมัยที่ 6 มาครองได้อย่างยิ่งใหญ่ พร้อมประกาศศักดากลับขึ้นครองบัลลังค์ “เจ้าอาเซียน” เหนือ “เวียดนาม” ได้อีกครั้ง
จากการคว้า “แชมป์อาเซียน” ของทัพ “ช้างศึก” ทีมชาติไทย ในครั้งนี้ ต้องบอกว่านี่คือ “ของขวัญปีใหม่” ที่ดีที่สุดของ “ชาวไทย” เลยก็ว่าได้ และในขณะเดียวกัน “ทีมชาติไทย” ยังได่รับอีดฉีดจากการคว้าแชมป์อาเซียนในครั้งนี้ไปแล้ว ราว 46 ล้านบาทเลยทีเดียว
ทั้งหมดกล่าวมานั้นเป็นเรื่องราว และ เหตุการณ์สำคัญของ “วงการฟุตบอลไทย” ในปี 2564
สุดท้ายนี้ “ทีมงาน SMM SPORT” ขออวยพรให้แฟนกีฬา และพี่น้องชาวไทย ทุกคน ประสบแต่ความโชคดี ร่ำรวยเงินทอง สุขภาพแข็งแรง ตลอดปี 2565 และตลอดไป สวัสดีปีใหม่
แสดงความคิดเห็น