ในที่สุดทีมฟุตซอล ทีมชาติไทย ก็นำความสุขมาให้กับคนไทยได้อีกครั้ง หลังไล่ถล่ม หมู่เกาะโซโลมอน 9-4 ในเกมส่งท้ายรอบแรกกลุ่มซี ทำให้ลงสนาม 3 นัด มี 7 คะแนน ประตูได้ +2 การันตีติดเป็น 1 ใน 4 ทีม ที่มีผลงานจบในอันดับที่ 3 ที่ดีที่สุดเป็นที่แน่นอน
รูปเกมกับ หมู่เกาะโซโลมอน นักเตะไทยดูจะเล่นเป็นธรรมชาติมากขึ้น เพราะได้เล่นเกมบุกตามสไตล์ที่ถนัด ซึ่งทุกคนก็ทำผลงานได้เป็นที่น่าพอใจ เพียงแต่จุดที่ดูแล้วน่าเป็นห่วงกลับเป็นเกมรับที่ถูกทีมอันดับ 51 ของโลก ทะลวงตาข่ายไปถึง 4 ประตู ซึ่งนี่คือการบ้านที่เราต้องเร่งแก้ไขก่อนจะต้องลงเล่นในรอบน็อคเอาท์
สำหรับคู่ต่อกรที่ทัพ "โต๊ะเล็กช้างศึก" ของเราต้องเจอในรอบน็อคเอาท์ 16 ทีมก็คือ ทีมชาติ คาซัคสถาน เจ้าของอันดับ 4 ในการแข่งขันชิงแชมป์ยุโรป เมื่อปี 2018 และปัจจุบันเป็นทีมเบอร์ 7 ของโลก ซึ่งในรอบแรกอยู่สายที่ไม่หนัก พร้อมทำผลงานชนะ คอสตาริกา 6-1 , ชนะ "เจ้าภาพ" ลิทัวเนีย 3-0 ก่อนปิดท้ายด้วยการเสมอ เวเนซูเอล่า 1-1 เข้ารอบมาในฐานะแชมป์ของกลุ่มเอ
การเอาชนะ หมู่เกาะโซโลมอน น่าจะเรียกความมั่นใจให้กับนักเตะไทยได้มากโขเลยทีเดียว โดยเฉพาะกับ "เทพอาร์ม" ศุภวุฒิ เถื่อนกลาง ที่ 2 นัดแรกดูจะเงียบๆ ไป แต่ก็มาจัดการซัดแฮตทริกได้ในเกมนัดนี้ ซึ่งถือเป็นการทำแฮตทริกที่ 2 ของเขาในเวทีเวิลด์คัพ หลังเคยทำสำเร็จมาแล้วในปี 2016 ในเกมที่เอาชนะ คิวบา ไป 8-5 ทำให้ยอดรวมประตู ณ ขณะนี้ เจ้าของฉายา "พ่อมดฟุตซอลไทย" กดไปแล้ว 12 ประตูในศึกฟุตซอลโลก 3 สมัยที่ลงเล่น
ส่วน "โค้ชหมี" รักษ์พล สายเนตรงาม ดูแล้วก็น่าจะคลายความกดดันลงไปเยอะทีเดียว หลังต้องแบกรับความหวังของคนไทยทั้งประเทศในการคุมทีมชุดนี้ เพราะแน่นอนว่าหากล้มเหลวร่วงรอบแรก เหล่าเกรียนคีย์บอร์ดคงกระหน่ำโจมตีเต็มโลกโซเชี่ยล แต่พอพาทีมทะลุรอบน็อคเอาท์ได้
จากนี้ก็ไม่มีอะไรต้องเสีย เพราะทำผลงานได้เทียบเท่ากับ 2 โค้ชต่างชาติที่สมาคมฯ ทุ่มเงินจ้างทั้ง วิคเตอร์ เฮอร์มัน และ มิเกล โรดริโก้ ในเวิลด์คัพ 2 หนหลังสุดที่พาทีมจบเส้นทางไว้เพียงแค่รอบ 16 ทีมเท่านั้น
อีกคนที่ต้องพูดถึงคือ "เจ้าเนิส" จิรวัฒน์ สอนวิเชียร ซึ่งเล่นได้อย่างโดดเด่นและคงเส้นคงวา ยิงประตูมาทุกนัดตั้งแต่เกมกับ โปรตุเกส, โมร็อกโก และ หมู่เกาะโซโลมอน ทำให้เขาสร้างสถิติยิงประตูในศึกฟุตซอลโลก 7 นัดติดต่อกัน ต่อเนื่องมาตั้งแต่หนก่อนมาจนถึงครั้งนี้
และยังมีโอกาสสร้างสถิติเพิ่มในเกมรอบน็อคเอาท์กับ คาซัคสถาน รวมถึงรอบต่อๆ ไป หากโต๊ะเล็กไทยผ่านทีมเบอร์ 7 ของโลกไปได้
ไทย กับ คาซัคสถาน เปรียบเทียบก็เหมือนเพื่อนเก่าที่เคยสนิทกัน แต่พักหลังต้องห่างกันไปไกล เพราะ คาซัคสถาน ตัดสินใจโยกจากทวีปเอเชียไปลงเล่นในโซนยุโรป ตั้งแต่ปี 2001 ซึ่งเมื่อย้อนดูปูมหลังสมัยที่เล่นในเอเชีย พวกเขาเคยมาคว้ารองแชมป์เอเชียปี 2000 ที่ไทยเป็นเจ้าภาพ และคว้าสิทธิ์ไปลุยฟุตซอลโลกสมัยแรกพร้อมๆ กับทีมชาติไทย
ก่อนที่หลังจากนั้นจะถูกเชิญมาร่วมฟาดแข้งในศึกไทยแลนด์ไฟว์ พร้อมกับคว้าแชมป์ไปครองในปี 2016 ส่วนอีกปีคือ 2017 ได้รองแชมป์
การเจอกันในศึกฟุตซอลโลก 2021 รอบน็อคเอาท์ 16 ทีม ถือเป็นครั้งที่ 4 ที่ทั้ง 2 ชาติโคจรมาเจอกันในเกมอย่างเป็นทางการ โดย 3 ครั้งที่ผ่านมา ดีที่สุดของไทยคือเสมอได้ 1 นัด ในศึกไทยแลนด์ไฟว์ เมื่อปี 2016
- ไทย แพ้ คาซัคสถาน 3-4 ฟุตซอลชิงแชมป์เอเชีย 2000(รอบแรก)
- ไทย เสมอ คาซัคสถาน 3-3 ไทยแลนด์ไฟว์ 2016
- ไทย แพ้ คาซัคสถาน 1-2 ไทยแลนด์ไฟว์ 2017
นี่คือสมัยที่ 6 ติดต่อกันของฟุตซอลไทยในเวทีระดับโลก และคือครั้งที่ 3 ติดต่อกันที่ทีมชาติไทยผ่านเข้าสู่รอบน็อคเอาท์ได้สำเร็จ(2012 , 2016 , 2021) ซึ่ง 2 ครั้งก่อนหน้านี้ "โต๊ะเล็กช้างศึก" ยังไม่เคยไปไกลได้มากกว่ารอบ 16 ทีม โดยปี 2012 แพ้ สเปน 1-7 และล่าสุดปี 2016 พ่ายต่อ อาเซอร์ไบจาน ในช่วงต่อเวลา 8-13 หลังเสมอกันในเวลา 7-7
ขณะที่คู่แข่งอย่าง คาซัคสถาน นี่คือเวิลด์คัพ สมัยที่ 3 ของพวกเขา(2000, 2016, 2021) โดยผลงานไล่ตั้งแต่ ปี 2000 ตกรอบแรก ส่วนครั้งก่อนปี 2016 ทะลุเข้ารอบ 16 ทีม ก่อนจะไปเจอของแข็งอย่างสเปน และแพ้ไปด้วยสกอร์ 2-5
ดังนั้นการเจอกันในครั้งนี้ระหว่าง ไทย กับ คาซัคสถาน จะมีหนึ่งทีมที่สร้างประวัติศาสตร์ผ่านเข้าสู่รอบ 8 ทีมได้เป็นครั้งแรก ซึ่งก็หวังว่าทีมๆ นั้นจะเป็นทีมฟุตซอล ทีมชาติไทยของเรา
ความพยายามครั้งที่ 3 ของทัพ "โต๊ะเล็กช้างศึก" ที่หวังจะสร้างประวัติศาสตร์ทะลุเข้ารอบ 8 ทีมจะสำเร็จหรือไม่ และ "Third Time Lucky" จะเกิดขึ้นจริงหรือเปล่า 23 ก.ย.นี้ รู้กัน !!
แสดงความคิดเห็น