สุดสัปดาห์นี้ฟุตบอลโตโยต้า ไทยลีก 2020-21 ก็จะเดินทางมาถึงนัดสุดท้าย ซึ่งไม่น่าเชื่อว่าปีนี้เกมนัดสุดท้าย มันจะเหมือนบทละครที่ถูกเขียนเอาไว้ก่อนหน้า
เพราะ 2 ทีมที่กำลังหนีการตกชั้นอย่าง “ค้างคาวไฟ” สุโขทัย เอฟซี ทีมอันดับ 13 กับ “ช้างศึกยุทธหัตถี” สุพรรณบุรี เอฟซี ทีมอันดับที่ 14 ต้องมาห่ำหั่นกันเอง และจะมีทีมเดียวเท่านั้นที่จะได้ไปต่อในศึกไทยลีก 2021/22
สถานการณ์ก่อนจะเจอกัน “ค้างคาวไฟ” มีอยู่ 28 คะแนน ส่วน “ช้างศึกยุทธหัตถี” มีอยู่ 27 คะแนน เท่ากับว่าเกมนัดสุดท้าย สุโขทัย เอฟซี ขอเพียง 1 แต้มก็จะลอยลำทันที ขณะที่ฝั่ง สุพรรณบุรี เอฟซี จำเป็นจะต้องชนะเท่านั้น เพื่อรักษาสถิติได้ลงเล่นในศึกไทยลีกต่อไปเป็นฤดูกาลที่ 9 ติดต่อกัน
ย้อนกลับไปดูสถิติการพบกันของทั้ง 2 ทีมในเกมไทยลีก ปรากฏว่าเคยเจอกันมาแล้ว 9 นัด ซึ่งฝั่ง สุโขทัย เอฟซี ทำผลงานได้เหนือกว่าชัดเจน โดยชนะ 4 เสมอ 4 และแพ้เพียง 1 นัด โดยเฉพาะการบุกมาเยือน 4 นัด พวกเขาชนะ 2 เสมอ 2 ไม่เคยแพ้ให้กับ สุพรรณบุรี เอฟซี เลยแม้แต่เกมเดียว
อย่างไรก็ตามสถิติก็เป็นเพียงแค่ตัวเลข เพราะเกมที่พบ สิงห์ เชียงรายฯ ในนัดตกค้าง ทัพ “ช้างศึกยุทธหัตถี” ก็มีสถิติที่เป็นรองอย่างชัดเจน โดยเฉพาะกับการเปิดบ้านพบทัพ “กว่างโซ้ง” ที่เคยชนะได้เพียงแค่นัดเดียว แต่พวกเขาก็ทำลายสถิติได้สำเร็จ พร้อมกับได้ต่อหายใจสู้ต่อในเกมนัดสุดท้ายของฤดูกาล
ย้อนไปดูประสบการณ์การหนีตายของทั้ง 2 ทีม ต้องบอกว่าเคยมีประสบการณ์มาแล้วทั้งคู่ โดยเฉพาะกับ “ช้างศึกยุทธหัตถี” พวกเขาเคยตกชั้นมาแล้วครั้งหนึ่ง เมื่อปี 2007 ก่อนจะเลื่อนชั้นกลับมาในปี 2013 และเพิ่งผ่านการรอดตกชั้นมาแบบสดๆ ร้อนๆ เมื่อปีก่อน ซึ่งจบอันดับที่ 14 ของตาราง
โดยปกตินั้นจะต้องตกชั้นลงไปเล่นในไทยลีก 2 แต่เพราะ สโมสรพีทีที ระยอง ประกาศขอพักทีมในฤดูกาล 2020 ทำให้จำนวนทีมตกชั้นลดลงเหลือ 2 ทีม พวกเขาซึ่งจบในอันดับ 14 จึงรอดตกชั้นแบบมีโชคช่วย
แต่ปีนี้ภายใต้การคุมทีมของ อเดบาโย่ กุนซือชาวไนจีเรีย มันคงไม่มีโชคดีแบบนั้นมาช่วยอีกแล้ว หากพวกเขาพลาดท่าในเกมนัดสุดท้าย
ส่วนทาง “ค้างคาวไฟ” นี่คือฤดูกาลที่ 5 ที่ได้โลดแล่นในลีกสูงสุด และเป็นฤดูกาลที่ 4 ติดต่อกัน ที่พวกเขาต้องมาเหนื่อยกับการดิ้นรนหนีตกชั้น โดย 3 ครั้งก่อนหน้านี้ ฮีโร่ที่มากอบกู้พวกเขาคือ “โค้ชเบ๊” ไพโรจน์ บวรวัฒนดิลก (ฤดูกาล 2017 กับ 2019) และ “โค้ชหนุ่ย” เฉลิมวุฒิ สง่าพล (ฤดูกาล 2018)
ส่วนปีนี้หน้าที่ตกเป็นของ “โค้ชอั๋น” สุรพงษ์ คงเทพ เฮดโค้ชหนุ่มวัย 42 ปี ที่ผ่านมาการคุมทีมมาอย่างมากมาย อาทิ พัทยา ยูไนเต็ด , บีอีซี เทโรศาสน , สมุทรปราการ ซิตี้ และ เชียงใหม่ เอฟซี
คีย์แมนสำคัญของเกมนี้คงหนีไม่พ้นแนวรุกต่างชาติของทั้ง 2 ทีม ที่เป็นกำลังสำคัญช่วยให้ทีมยังมีลุ้นมาจนถึงนัดสุดท้าย โดยของ สุพรรณบุรี เอฟซี คือ เลอันโดร อัสสัมเซา กับ แฮร์ลิสัน ไคออน 2 คู่หูต่างวัยชาวบราซิล ที่เพิ่งย้ายมาจับคู่กันในเลกที่ 2 และทำรวมกันไปแล้ว 13 ประตูให้กับ “ช้างศึกยุทธหัตถี”
โดยเฉพาะกับเกมล่าสุดที่ชนะ สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด 2-1 ก็มาจากผลงานการแอสซิสต์ของ เลอันโดร อัสสัมเซา ให้กับ แฮร์ริสัน ไคอนน ปิดสกอร์ทั้ง 2 ลูก
ส่วนคู่แนวรุกของ “ค้างคาวไฟ” ก็อันตรายไม่แพ้กัน นำมาโดย จอห์น บาจโจ้ หัวหอกร่างจิ๋ว ที่จับคู่กับ อิบสัน เมโล่ ได้อย่างลงตัว
จุดเด่นของ บาจโจ้ คือ ความเร็วและการพาบอลเลี้ยงแหวกแนวรับคู่แข่ง ส่วน อิบสัน เมโล่ ก็มีความเร็วไม่ต่างกัน แถมยังมีการจบสกอร์ที่เฉียบคม โดยผลงานของทั้ง 2 คนในปีนี้ ซัดรวมกันไปแล้วถึง 26 ประตูด้วยกัน
สำหรับเกมชี้ชะตาระหว่าง สุพรรณบุรี เอฟซี พบ สุโขทัย เอฟซี จะแข่งขันกันในวันอาทิตย์ที่ 28 มี.ค.64 ที่สนามกีฬากลาง จ.สุพรรณบุรี เวลา 18.00 น.
แน่นอนว่าเกมนี้การต่อสู้ทั้งในสนามของนักฟุตบอล และนอกสนามของทีมงานโค้ช ดุเดือดแน่นอน เพราะไม่มีใครอยากตกลงไปเริ่มใหม่ในลีกพระรอง
สุดท้ายไม่ว่าผลการแข่งขันจะออกมาแบบไหน คนที่จะได้กำไรที่สุดก็คือแฟนบอล ที่จะได้ดูการแข่งขันที่สู้กันแบบสนุก ดุเดือด เพื่อความอยู่รอดในลีกสูงสุดต่อไป
แสดงความคิดเห็น