ในวันอาทิตย์ที่ 31 มกราคม นี้ การแข่งขันฟุตบอลไทยลีก จะกลับมาฟาดแข้งกันอีกครั้ง ซึ่งจะเริ่มด้วยศึกนัดตกค้างระหว่าง สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด ปะทะ การท่าเรือ เอฟซี ในเวลา 18.30 น. ถ่ายทอดสดทางช่อง NBT

ความน่าสนใจของนัดนี้ นอกจะเป็นการพบกันของ 2 ทีมชั้นนำ ที่ได้สิทธิ์ไปเล่น เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีก ด้วยกันทั้งคู่แล้ว ยังเป็นการที่แฟนบอลจะได้เห็น ฟุตบอลเกมรุก มาฟาดแข้งกัน ซึ่งน่าจะสร้างความสนุกให้คนดูได้ไม่น้อย

ถ้าพูดถึงเรื่องฟุตบอลเกมบุก คงต้องยกให้ การท่าเรือ เอฟซี เป็นอันดับ 1 เพราะจาก 15 นัดที่ผ่านมา พวกเขายิงประตูคู่แข่งไปได้มากถึง 38 ลูก คิดเป็นค่าเฉลี่ย 2.53 ลูกต่อ 1 เกม ซึ่งมากที่สุดในไทยลีก

การท่าเรือ เอฟซี ในฤดูกาลนี้ อุดมไปด้วยนักเตะแนวรุกระดับพระกาฬ ซึ่ง ณ ปัจจุบัน พวกเขามีกองหน้าอาชีพระดับหัวแถวของไทยลีกอยู่ถึง 4 คนในทีม นั่นคือ

เซอร์คิโอ ซัวเรส หัวหอกชาวสเปน, เนลสัน โบนีญ่า ดาวยิงชาวเอล ซัลวาดอร์, อดิศักดิ์ ไกรษร ยอดดาวซัลโวชาวไทย และอีกคนที่เพิ่งย้ายมาใหม่คือ ยานนิค โบลี เพชรฆาตชาวฝรั่งเศส ที่คว้าตัวมาจาก ราชบุรี มิตรผล เอฟซี

ทั้ง 4 คน ต่างมีสถิติการทำประตูที่สุดยอด และอยู่ในระดับท็อปของซีซั่นนี้ 

เซอร์คิโอ ซัวเรส ยิงไป 9 ประตู จาก 15 นัด
อดิศักดิ์ ไกรษร ยิงไป 9 ประตู จาก 14 นัด
ยานนิค โบลี ยิงไป 8 ประตู จาก 14 นัด
เนลสัน โบนีญ่า ยิงไป 4 ประตู จาก 7 นัด

รวมแล้วทั้ง 4 คนนี้ สามารถทำประตูไปได้มากถึง 30 ลูก

การมีกองหน้าระดับพระกาฬถึง 4 คนในทีม ย่อมเป็นเรื่องที่ดี และอีกมุมหนึ่งก็เป็นเรื่องที่น่าปวดหัวของ "โค้ชอู๊ด" สระราวุฒิ ตรีพันธ์ กุนซือของการท่าเรือ เอฟซี ว่าจะจัดทัพอย่างไรถึงจะลงตัวที่สุด

การจะส่งกองหน้า 4 คน ลงสนามเป็นตัวจริงในเกมนัดเดียว เป็นเรื่องที่สุ่มเสี่ยง และคงทำให้ระบบทีมขาดความสมดุล

ดังนั้น "โค้ชอู๊ด" จะต้องหาทีมที่ลงตัวมากที่สุด สำหรับ 11 คนแรก

แล้วใครจะได้เป็นตัวจริง? ใครจะต้องนั่งสำรอง?

หากให้วิเคราะห์ คนที่น่าจะการันตีตัวจริงแน่ๆก็คือ เซอร์คิโอ ซัวเรส กองหน้าชาวสเปน เพราะเขาลงเล่นมาทุกนัดตลอด 15 เกมแรก แถมยังสามารถเล่นได้หลากหลายรูปแบบ หลากหลายตำแหน่ง

ซัวเรส จะเล่นเป็นกองหน้าตัวเป้าก็ได้ เป็นตัวริมเส้นก็ได้ หรือจะถอยลงมาเป็นกองหน้าตัวต่ำก็ได้

เขามีทักษะ และเซ้นส์ฟุตบอลที่ดี อีกทั้งยังมีการจ่ายบอลที่ยอดเยี่ยม ซึ่งผมเชื่อว่า ซัวเรส ในเลกที่ 2 จะต้องยืนลงต่ำกว่าเดิมนิดหน่อย และคอยจ่ายทำทางให้เพื่อนมากขึ้น

ส่วนอีกคนที่น่าจะได้เป็นตัวจริงก็คือ ยานนิค โบลี ที่ย้ายมาใหม่ เพราะ การท่าเรือ คงไม่คว้าตัวมาร่วมทีม โดยคิดจะเอามาเป็นตัวสำรองแน่ๆ

อีกทั้ง โบลี เป็นกองหน้าที่มีรูปร่างสูงใหญ่ แข็งแกร่ง เล่นลูกกลางอากาศได้ดี ซึ่งเป็นจุดที่ การท่าเรือ กำลังขาดพอดี

ฉะนั้น โบลี จะเข้ามาเพิ่มมิติในเกมรุกให้กับ การท่าเรือ ได้ไม่น้อย

สำหรับอีก 1 ตำแหน่งที่ว่าง หาก "โค้ชอู๊ด" เลือกที่จะเล่นระบบ 4-3-3 ที่ใช้มาตลอด ผมก็คิดว่าน่าจะเป็น อดิศักดิ์ ไกรษร ที่จะได้เป็นตัวจริง

"เจ้ากอล์ฟ" อดิศักดิ์ ไกรษร ฤดูกาลนี้ถือว่ากลับมาแจ้งเกิดได้อีกรอบ หลังฟอร์มตกไปพักหนึ่งในช่วงที่อยู่กับ เอสซีจี เมืองทองฯ

จุดเด่นของ อดิศักดิ์ ก็คือ มักจะอยู่ถูกที่ ถูกเวลา และมีการจบสกอร์ที่ค่อนข้างไว้ใจได้ มีโอกาสแล้วใช้ไม่ค่อยเปลืองเท่าไหร่

ซึ่งการมายืนจับคู่กับ โบลี ก็ดูน่าจะลงตัว โดยให้ โบลี เป็นตัวพักบอล หรือเป็นตัวจู่โจม แล้ว อดิศักดิ์ เป็นคนคอยเก็บจังหวะสอง ซึ่งน่าเข้าทาง เจ้ากอล์ฟ ที่จมูกไว และเข้าฮอสได้ดี

ส่วนในรายของ เนลสัน โบนีญ่า ด้วยสภาพร่างกายที่ไม่ฟิตเต็ม 100 เหมือนเมื่อก่อน เขามักจะยืนระยะได้ไม่ครบ 90 นาที ดังนั้นการให้เขาเป็นตัวซูเปอร์ซับ คอยลงมาเปลี่ยนเกมในช่วง 30 นาทีสุดท้าย จึงน่าจะเหมาะสมที่สุด

โบนีญ่า มีจุดเด่นคือสปีดความเร็ว ดังนั้นการที่เขาลงสนามมาในช่วงหลัง ตอนที่กองหลังคู่แข่งเริ่มหมดแรงแล้ว จึงน่าจะทำให้เขาเปิดโหมดโจมตีได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ

และทั้งหมดนี้ก็คือการวิเคราะห์แนวทางการเล่นของ การท่าเรือ เอฟซี ในช่วงเลกที่ 2 ที่พวกเขามีกองหน้าระดับท็อปถึง 4 คนอยูในทีม

ส่วนจะแม่นยำ และถูกต้องแค่ไหน ก็ต้องไปรอดูกันในสนามวันอาทิตย์นี้...