หากจะเอ่ยประเด็นตำแหน่ง "ดาวซัลโว" ในศึกฟุตบอล "ไทยลีก" ต้องบอกว่าเป็นเวลานานเกือบ 10 ปี แล้วที่เราไม่เคยเห็น "นักเตะไทย" คนไทยทำผลงานถล่มประตูจนสามารถก้าวขึ้นไปผงาดครองตำแหน่งนี้ได้เลย

 ครั้งสุดท้ายที่ "นักเตะไทย" สามารถทำผลงานถล่มประตูและก้าวขึ้นไปติดทำเนียบ "ดาวซัลโวไทยลีก" ต้องย้อนกลับไปเมื่อปี  2555  กันเลยทีเดียว โดยในปีนั้น "ธีรศิลป์ แดงดา"  คือนักเตะไทยคนสุดท้ายที่ทำได้ ซึ่งเป็นการครองตำแหน่งดาวซัลโวร่วมกับ "เคลตัน ซิลวา" ดาวยิงของโปลิศ เทโร ในตอนนั้น โดยยิงได้  24 ประตูเท่ากัน 

 เหตุการณ์ดังกล่าวนี้น่าจะเป็นบ่งบอกถึงสัญญาณเตือนแบบเล็กๆ ก็ได้ว่า "วงการฟุตบอลไทย" กำลังขาดแคลน "นักเตะไทย" ในตำแหน่ง "กองหน้าตัวเป้า"  อย่างชัดเจน 

 จนทำให้เมื่อปี 2562 ผ่านมา สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ และ บริษัท ไทยลีก จำกัด ในฐานะฝ่ายจัดการแข่งขันลีกอาชีพของประเทศไทยต้องผุดโครงการ "THAIS STRIKE BACK"  ปั้นดาวยิงสัญชาติไทย โดยมีรางวัลล่อใจที่มีมูลค่ารวมกว่า 3 ล้านบาทเลยทีเดียว

                                                                                         สุภโชค สารชาติ

 โดยมีกฎเกณฑ์ว่าทีมที่ได้เงินรางวัล จะต้องเป็นสโมสร ที่มี "นักเตะไทย" ทำประตูรวมกันมากที่สุด ในแต่ละรอบ โดยทั้งฤดูกาล จะแบ่งออกเป็น 6 รอบ รอบละ 5 นัด และใน 5 นัดดังกล่าวจะต้องมีจำนวนประตูรวมมากกว่า 8 ประตู หากมีทีมใดทำได้จะได้รับเงินรางวัล 500,000 บาท หากยังไม่มีสโมสรไหนทำได้ตามเกณฑ์ เงินรางวัลจะถูกทบในรอบถัดไป 

 ทำให้ในฤดูกาล 2019  "นักเตะไทย"  ในตำแหน่งแนวรุก ของสโมสรฯ ต่างในไทยลีกมีโอกาสลงสนามมากขึ้น  พร้อมทำให้ค่าเฉลี่ยนในการถล่มประตูของนักเตะไทยในฤดูกาลที่แล้วมีมากขึ้น ถึงแม้ว่าจะไม่มี "นักเตะไทย" คนไหนที่สามารถก้าวขึ้นไปทำผลงานถล่มประตู จนก้าวขึ้นไปคว้าตำแหน่ง "ดาวซัลโว" ก็ตาม

 ในฤดูกาล 2020 กระแสของ โครงการ "THAIS STRIKE BACK"  ปั้นดาวยิงสัญชาติไทย  นั้นดูเงียบลงไป ซึ่งส่งผลให้แรงกระตุ้นในการส่งผู้เล่นไทยลงสนามของเหล่าบรรดาสโมสรต่างๆ  ดูน้อยตามลงไปด้วย  แถมที่ผ่านมาหลายทีมเริ่มที่จะกลับมาเสริมทัพซื้อตัวผู้เล่นในตำแหน่ง "ดาวยิงต่างชาติ" ลงมาล่าตาข่ายให้ทีมเหมือนกับช่วงตลอด 10 ปีที่ผ่านมา

 ในประเด็นที่หลายทีมหันมาใช้ "ศูนย์หน้าต่างชาติ" มันคือปัจจัยสำคัญที่ทำให้ "กองหน้าสัญชาติไทย" ได้รับโอกาสลงสนามน้อยลงตามไป จากเหตุนี้ทำให้ผมเองเลยอยากเห็น สมาคมกีฬาฟุตบอลฯ และ "ไทยลีก"  ช่วยกลับมากระตุ้นกระแส

 โครงการดีๆ อย่าง "THAIS STRIKE BACK ปั้นดาวยิงสัญชาติไทย" ให้มันกลับมามีกระแสคึกคักเฉกเช่นฤดูกาลอีกครั้งเถอะ 

                                                                                     อดิศักดิ์ ไกรษร 

 ด้วยการที่สมาคมฯ ออกมายืนยันอีกครั้งว่า โครงการดังกล่าวนี้ยังอยู่ดี เหมือนเดิม และสมาคมฯเองก็พร้อมที่จ่ายเงินอัดฉีดจำนวนดังกล่าวให้กับสโมสรที่ทำภารกิจดังกล่าวนี้สำเร็จ เพราะเงินอัดฉีดจำนวนดังกล่าวนี้มันก็น่าแรงกระตุ้นที่จะทำให้บรรดาสโมสรต่างๆ กลับให้โอกาส "ดาวยิงสัญชาติไทย" ลงไปล่าตาข่ายให้กับทีมมากขึ้นตามไปด้วย 

 ในฤดูกาล 2020 นี้ถือเป็นโอกาสดีมากๆ อีกด้วย เพราะด้วยสถานการณ์การลุ้นตำแหน่ง "ดาวซัลโวไทยลีก"  ในฤดูกาลนี้ยังเปิดกว้าง เหตุเพราะ "นักเตะสัญญาติไทย"  หลายคนสามารถทำผลงานถล่มประตูได้อย่างเป็นกอบเป็นกำไม่ต่างจาก ผู้เล่นต่างชาติ มากนัก  

 โดยระยะห่างของประตูระหว่าง "ผู้นำดาวซัลโว"  อย่าง เดนนิส มูริลโล่ ที่ปัจจุบันที่นำอยู่ด้วยจำนวนเพียงแค่  11 ประตู  ซึ่งห่างจาก "ดาวยิงคนไทย" อย่าง อดิศักดิ์ ไกรษร , ฟิลิป โรลเลอร์ ที่ปัจจุบันยิงได้  8 ประตู  หรือแม้กระทั้ง ณัฐวุฒิ สุขสุ่ม ที่ยิงได้ 6 ประตู และ ธีระพล เยาะเย้ย, สุภโชค สารชาติ ที่ยิงได้  4 ประตู แล้วก็ยังพอมีโอกาสลุ้นตำแหน่ง "ดาวซัลโวไทยลีก" ในฤดูกาลนี้ด้วยเช่นกันหากพวกเขาได้รับโอกาสลงสนามช่วยทีมและยิงประตูได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งนั้นก็ไม่ "ดาวยิงคนไทย"  เหล่าอาจช่วยพิชิตเงินรางวัลจาก โครงการ "THAIS STRIKE BACK" ให้กับทีมได้ด้วยเช่นกัน

                                                                                           ฟิลิป โรลเลอร์

 สุดท้ายเลยอยากฝากถึง "สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย" ปลุกกระแส โครง "THAIS STRIKE BACK ปั้นดาวยิงสัญชาติไทย" ให้กับมาคึกคักอีกครั้งด้วย เพราะไม่แน่ว่าในฤดูกาล 2020 เราอาจจะได้เห็น "นักเตะไทย"  คว้าตำแหน่ง "ดาวซัลโวไทยลีก" ก็เป็นได้.....