ย้อนเวลากลับไป 4 ฤดูกาลที่แล้ว สโมสรฟุตบอลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประเทศไทย คงเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด

ทีมของพวกเขาในปี 2016 อุดมไปด้วยนักเตะชื่อดังระดับทีมชาติไทยมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ธีรศิลป์ แดงดา, กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์, ดัสกร ทองเหลา, สารัช อยู่เย็น, สุพรรณ ทองสงค์, พีรดนย์ ฉ่ำรัศมี, ชัยวัฒน์ บุราณ, ธีราทร บุญมาทัน, ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์, วัฒนา พลายนุ่ม

และบรรดาดาวรุ่งที่ย้ายเข้ามาใหม่อย่าง ชนาธิป สรงกระสินธ์, ธนบูรณ์ เกษารัตน์, ทริสตอง โด, พีระพัฒน์ โน๊ตชัยยา, อดิศักดิ์ ไกรษร, อดิศร พรหมรักษ์

นอกจากนั้นยังมีนักเตะต่างชาติฝีเท้าดีอย่าง เคลตัน ซิลวา, มิชาเอล เอ็นดรี, ซิสโก้, นาโออากิ อาโอยามะ และ มาริโอ อบรานเต้

ส่วนเฮดโค้ช ก็คืออดีตนักเตะระดับตำนานอย่าง ธชตวัน ศรีปาน

ปีนั้น เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ผลงานดีมาก พวกเขานำโด่งเป็นจ่าฝูงไทยลีก ไปจนถึงช่วงตัดจบฤดูกาล นัดที่ 31 ด้วยการมีถึง 80 แต้ม จากผลงานชนะ 26 นัด, เสมอ 2 นัด, แพ้ 3 นัด

พวกเขาทำแต้มทิ้งห่างทีมอันดับ 2 อย่าง ทรู แบงค็อกฯ ถึง 5 คะแนน และได้ตำแหน่งแชมป์ไทยลีก 2016 ไปครองอย่างยิ่งใหญ่

แต่ก็ไม่มีใครที่จะยิ่งใหญ่ได้ตลอดไป

หลังจากดื่มด่ำกับความสำเร็จไปในปีนั้น เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ก็ทยอยปล่อยนักเตะตัวหลักออกไปเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นผู้เล่นไทย หรือต่างชาติ

ทำให้พวกเขาไม่เคยได้สัมผัสถ้วยแชมป์ไทยลีกอีกเลยนับจากนั้นมา

จนมาถึงปัจจุบัน ปี 2020 ผู้เล่นตัวหลักชุดแชมป์ไทยลีก 2 คนสุดท้าย ก็กำลังจะจากทีมไป นั่นคือ อดิศร พรหมรักษ์ และ สารัช อยู่เย็น

เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด กำลังอยู่ในเส้นทางสร้างทีมใหม่ ปีนี้พวกเขาเน้นนักเตะดาวรุ่งเป็นแกนหลัก โดยหวังว่าจะสร้าง "ดรีมทีม" ขึ้นมาอีกครั้ง

ก็คงต้องติดตามกันต่อไปว่า เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด จะประสบความสำเร็จกับเส้นทางนักปั้นที่พวกเขาเลือกหรือไม่

แต่ตำนาน "ดรีมทีม" เมื่อปี 2016 ณ ตอนนี้คงเหลือเพียงแค่ความทรงจำเท่านั้น...


ปล. ยังมีนักเตะจากปี 2016 ที่เหลือถึงปัจจุบัน 2 คนนั่นคือ สรวิทย์ พานทอง กับ วัฒนา พลายนุ่ม เพียงแต่เมื่อปี 2016 พวกเขายังไม่ใช่นักเตะตัวหลัก