รูดม่านปิดฉากกันไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว สำหรับมหกรรมกีฬาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของภูมิภาคอาเซียน "ซีเกมส์" ครั้งที่ 30 ที่ประเทศฟิลิปปินส์รับหน้าเสื่อเป็นเจ้าภาพจัดการชิงชัยระหว่างวันที่ 30 พ.ย.-11 ธ.ค.
ในส่วนของภาพรวม ซีเกมส์ 2019 ถ้านับเฉพาะเรื่องของการจัดการแข่งขันที่มีการบรรจุกีฬาเข้ามาร่วมชิงชัยเยอะที่สุดในประวัติศาสตร์มากถึง 56 ชนิดกีฬาก็ต้องบอกว่า สอบผ่าน เพราะไม่ได้มีการปัญหาเรื่องการโกงผลการแข่งขันกันแบบน่าเกียจ แต่อาจจะมีแบบเนียนๆ กันไปตามประสาของเจ้าภาพ โดยเฉพาะกีฬาที่ต้องใช้สายตาของกรรมการช่วยตัดสินให้คะแนนชี้ขาด ซึ่งเป็นเรื่องปกติของพวกชาติเจ้าภาพจัดการแข่งขันมหกรรมกีฬาใหญ่ๆ ที่มักจะได้รับการเอื้อประโยชน์ในลักษณะนี้กันอยู่แล้ว
นั้นจึงเป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้ ฟิลิปปินส์ ยึดตำแหน่ง เจ้าเหรียญทองซีเกมส์ บนแผ่นดินเกิดของตัวเองได้แบบไม่ยากเย็นนัก โดยกวาดไปได้ทั้งหมด 149 เหรียญทอง ซึ่งถือว่ามากที่สุดเท่าที่เคยทำได้จากการชิงชัยมหกรรมกีฬาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของภูมิภาคอาเซียนในหนึ่งครั้ง ส่วนสถิติเดิมที่เคยทำได้มากที่สุดคือ ซีเกมส์เมื่อตอนที่เป็นเจ้าภาพในปี 2005 โดยครั้งนั้นครองความเป็นเบอร์หนึ่งบนดินแดนตากาล็อกไปได้ทั้งหมด 113 เหรียญทอง
ส่วนเรื่องที่ สอบตก แบบสนิทเลยก็คือ เรื่องของ การเตรียมความพร้อม ในด้านต่างๆ โดยเฉพาะการอำนวยความสะดวกให้กับทัพนักกีฬาจากชาติต่างๆ เนื่องจากว่าเต็มไปด้วยปัญหาตั้งแต่ช่วงก่อนเรื่องการแข่งขันเสียด้วยซ้ำ ไม่ว่าจะเป็น เรื่องของสาธารณูปโภคต่างๆ ที่ไม่เพียงพอ อาทิเช่น อาหาร, ที่พัก รวมถึง รถยนต์สำหรับใช้ในการเดินทางสัญจร เป็นต้น หรืออาจจะนับรวมเรื่องของการประชาสัมพันธ์เข้าไปด้วยก็ได้ เพราะไม่มีป้ายตามถนนหนข้างทางในกรุงมะนิลาที่บ่งบอกเลยว่า ฟิลิปปินส์ เป็นเจ้าภาพซีเกมส์ 2019
สำหรับ ซีเกมส์ ครั้งหน้าจะไปชิงชัยกันที่ประเทศเวียดนาม โดย กรุงฮานอย รับหน้าเสื่อเป็นเจ้าภาพในปี 2021 ซึ่งก็ต้องบอกว่า ทัพนักกีฬา "ดาวทอง" มีโอกาสครองความยิ่งใหญ่ในมหกรรมกีฬาของชาวอาเซียนได้เหมือนกัน หลังทำผลงานจากการชิงชัยบนดินแดนตากาล็อกในหนนี้ได้น่าประทับใจมาก เพราะสามารถก้าวขึ้นมารั้งอันดับ 2 บนตารางเหรียญทองได้เป็นครั้งแรกเหนือกว่านักกีฬาไทยที่หลุดลงไปอยู่อันดับ 3 เป็นครั้งแรกในรอบ 28 ปี หรือในซีเกมส์ ครั้งที่ 16 เมื่อตอนที่ฟิลิปปินส์เป็นเจ้าภาพในปี 1991 นั่นเอง
เวียดนาม โกยไปได้มากถึง 98 เหรียญทองจากการแข่งขันซีเกมส์ 2019 ซึ่งถือว่ามากที่สุดเท่าที่เคยทำได้จากการชิงชัยมหกรรมกีฬาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของภูมิภาคอาเซียนในหนึ่งครั้ง และเข้าป้ายแชมป์จากการชิงชัยในกีฬาสากลที่มีแข่งในโอลิมปิกอีกด้วย เพราะจากข้อมูลของฝ่ายพัฒนากีฬาเป็นเลิศของการกีฬาแห่งประเทศไทย หรือ กกท. ระบุว่า ฟิลิปปินส์ ได้จัดแข่งขันกีฬาสากลทั้งหมด 27 ชนิดกีฬา และแข่งขันกันทั้งหมด 303 รายการ
ปรากฎว่า เวียดนาม ครองความสำเร็จจากกีฬาสากลได้มากถึง 70 เหรียญทอง ส่วนอันดับ 2 เป็นของ ฟิลิปปินส์ 69 เหรียญทอง ส่วน ไทย อยู่อันดับ 64 เหรียญทอง ทว่าทัพนักกีฬา "ดาวทอง" ไม่ถนัดพวกกีฬาพื้นบ้านเลย เพราะมีสถิติระบุว่า ชาติที่ได้เหรียญทองจากการชิงชัยกีฬาพื้นบ้านในซีเกมส์ครั้งนี้คือ ฟิลิปปินส์ โกยไปได้ 80 เหรียญทอง นับเฉพาะ อาร์นิส กีฬาศิลปะการต่อสู้แบบตากาล็อกก็กดไปได้มากถึง 14 เหรียญทองแล้ว อันดับ 2 เป็นของ มาเลเซีย 31 เหรียญทอง และอันดับ 3 ไทย 28 เหรียญทอง
เพราะฉะนั้นในซีเกมส์ครั้งต่อไป ขอให้จับตามอง เวียดนาม เอาไว้ให้ดี เพราะมีโอกาสยึดบัลลังก์เจ้าเหรียญทองของมหกรรมกีฬาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในอาเซียนได้เป็นครั้งแรกบนดินแดนของตัวเอง ขณะที่ทัพกีฬาไทยก็ต้องกลับมาปรับปรุงแล้วพัฒนาเพื่อการชิงชัยในอีก 2 ปีข้างหน้า
แสดงความคิดเห็น