หลังจากที่รอกันมาเกือบ 1 เดือนกับตำแหน่งกุนซือคนใหม่ของทีมชาติไทย ที่ก่อนหน้านี้ได้แยกทางกับ "โค้ชโต่ย" ศิริศักดิ์ ยอดญาติไทย หลังจบศึกคิงส์คัพ ครั้งที่ 47 ในที่สุดหวยก็มาออกที่ อากิระ นิชิโนะ กุนซือชาวญี่ปุ่น
ซึ่งเมื่อวันที่ผ่านมา (1 ก.ค. 62) ได้มีการประกาศอย่างเป็นทางการจาก ส.บอล แล้วว่า นิชิโนะ ตกลงรับงานคุมทีมชาติไทยชุดใหญ่ ควบ ยู23 เพื่อลุยทัวร์นาเมนต์สำคัญ โดยจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการเร็วๆ นี้
นั้งจึงทำให้เขาเป็นโค้ชเอเชียและญี่ปุ่นคนแรกที่ได้คุมทีมชาติไทย โดยก่อนหน้านี้ในอดีตมี 13 คน มาจากเยอรมัน 8 อังกฤษ 3 บราซิลและเซอร์เบีย ชาติละ 1 คน
โดยหลังจากนี้ นิชิโนะ วัย 64 ปี มีเวลาเตรียมทีมอีก 2 เดือน ก่อนที่จะพาทัพช้างศึกลุยศึกคัดบอลโลก โซนเอเชีย นอกจากนั้นเขาคงต้องตามดูฟอร์มนักเตะที่เคยมีชื่อติดทีมชาติทั้งสองชุด เพราะต้องทำทีมชาติไทยรุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี ลุยศึกซีเกมส์ 2019 และฟุตบอลชิงแชมป์เอเชีย รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี รอบสุดท้ายด้วย
17 ก.ค. จะมีการจับสลากฟุตบอลโลก 2022 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย รอบสอง โดย ไทย อยู่ในโถที่ 3 พอถึงวันนั้นเราก็คงรู้แล้วว่าคู่ต่อสู้ในกลุ่มมีชาติใดบ้าง
ซึ่งการเปลี่ยนแปลง "หัวหน้าผู้ฝึกสอน" ในครั้งนี้มันย่อมหมายถึงการเปลี่ยนแปลงอะไรหลายๆ อย่างในทีมชาติไทยไปในตัวด้วย
โดยวันนี้ทีมข่าว SMMSPORT ขออนุญาตออกโรงวิเคราะห์ถึงการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นหลังการเข้ามาของ "อากิระ นิชิโนะ" แบบเน้นๆ จะมีอะไรบ้างลองกวาดสายตาดูได้เลยครับ
รูปแบบการเล่นที่เปลี่ยนไป
ข้อนี้เป็นสิ่งที่แน่นอนอยู่แล้ว เพราะกุนซือแต่ละคนรูปแบบการทำทีมต่างกัน ดังนั้นรูปแบบการเล่นก็จะแตกต่างกันไปด้วย ในเมื่อ นิชิโนะ เป็นโค้ชชาวญี่ปุ่น ยี่ห้อรับประกันคุณภาพอยู่แล้วว่ายอดเยี่ยมแค่ไหน ผลงานที่เพิ่งผ่านสายตาไปก็คงเป็นการพาทัพ ซามูไรบลู ทะลุรอบ 16 ทีมสุดท้ายในศึก ฟุตบอลโลก 2018 ก่อนแพ้ เบลเยี่ยม ไปแบบฉิวเฉียด นำก่อนถึง 2-0 แต่แพ้ 3-2 อย่างสุดมัน ด้วยการเล่นเกมเพรสซิง มีวินัย เล่นสนุก ดุดัน วิ่งสู้ฟัด รวมถึงการปลูกฝังทัศนคติให้นักเตะกระหายที่จะลงไปเล่นในสนามซึ่งข้อนี้สำคัญมากในความคิดของเขานั่นอาจจะหมายความว่าเขาเน้น "ทัศนคติ" ในการเล่นก่อนแทกติก
แข้งหน้าใหม่ของไทยแลนด์
ข้อนี้น่าจะเป็นข้อที่หลายคนให้ความสนใจที่สุด เพราะเมื่อก่อนเป้าโจมตีใหญ่ๆ ที่ "โค้ชโต่ย" ศิริศักดิ์ ยอดญาติไทย อดีตหัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมชาติไทยโดนวิจารณ์อย่างหนักหน่วงก็คือการเลือกผู้เล่นหน้าเดิมๆ เข้ามาสู่ทีมชาติไทย ทั้งที่มีผู้เล่นหน้าใหม่ทำผลงานได้เข้าตา แต่กลับไม่เรียกเข้ามาติดทีม ดังนั้นในยุคของ อากิระ นิชิโนะ กุนซือชาวญี่ปุ่น ที่ขึ้นชื่อเรื่องการซื่อตรง ซื่อสัตย์ น่าจะเป็นช่วงเวลาที่เราได้เห็นผู้เล่นหน้าใหม่ๆ เข้ามาสู่ทีมไม่มากก็น้อยแน่นอน เพราะมันก็เหมือนการเริ่มต้นใหม่ ซึ่งอย่างน้อยถ้าเขาเห็นใครฟอร์มดีผ่านสายตาตัวเองก็น่าจะมีการลิสต์รายชื่อเอาไว้บ้างล่ะ
ความหวังใหม่ของแฟนบอล
การเปลี่ยนแปลงในแต่ละครั้ง ย่อมมากับความคาดหวังเป็นเรื่องธรรดา เพราะการที่เราเปลี่ยนแปลงก็เพื่อทำให้ดีขึ้น แต่ไม่มีใครรับประกันได้ว่า "การเปลี่ยนแปลง" ในแต่ละครั้งนั้นมันจะดีจนสุดหรือทรุดจนร่วง ซึ่งการเข้ามาของ อากิระ นิชิโนะ จึงเปรียบเสมือนการเปลี่ยนแปลงที่ "สร้างความหวังใหม่" ให้กับแฟนๆ ฟุตบอลไทย เรื่องนี้ "โค้ชเฮง" คุณ วิทยา เลาหกุล อดีตปธ.เทคนิคที่สนิทสนมกับ นิชิโนะ ให้เหตุผลน่าสนใจว่า นิชิโนะ สามารถสร้างแรงกระตุ้นให้นักเตะดาวรุ่งมีพัฒนาการได้ดี การที่เขาเข้ามามันอาจไม่การันตีว่าทีมชาติไทยจะประสบความสำเร็จ แต่แฟนบอลสามารถเชื่ออย่างนึงได้ว่า เรื่องแนวทางการเล่น เราจะชัดเจนมากขึ้น เขาอาจมีเวลาเตรียมทีมที่จำกัด แต่ปกติของคนญี่ปุ่น เขาก็จะมีแผนงาน รับมือตรงนี้ไว้อยู่แล้ว และมันอยู่ที่ศิลปะว่าเขาจะเลือกตัวผู้เล่นให้เขากับแนวทางการเล่นของเขา ได้ดีแค่ไหน
การเรียนรู้ครั้งใหม่
ข้อนี้เป็นของนักเตะและโค้ชอย่างแท้จริง เพราะนี้จะถือเป็นครั้งแรกที่ทัพช้างศึก ใช้โค้ชเอเชียและญี่ปุ่นคุมทีมครั้งแรก นั้นทำให้เกิดการเรียนรู้ครั้งใหม่เป็นธรรมดาระหว่างโค้ชและนักเตะ ตัวโค้ชเองอาจต้องใช้เวลาเรียนรู้เกี่ยวกับรูปร่าง ความสามารถของนักเตะแต่ละคนของไทยอีกสักระยะ ส่วนตัวนักเตะไทยเองก็ต้องทำความเข้าใจเกี่ยวกับการฝึกซ้อม แทคติก รูปแบบการเล่น ทัศนคติต่างๆ ที่เขาจะนำมาใช้กับทีม นักเตะไทยกับญี่ปุ่นไม่เหมือนกันแน่ๆ ชนาธิป, ฐิติพันธ์, ธีราทร ที่ไปเล่นในเจลีก หรือ ธีรศิลป์ แดงดา ที่เคยผ่านประสบการณ์ที่นั้นมา 1 ปี อาจไม่ต้องปรับตัวอะไรมาก แต่ที่เหลือคงต้องใช้เวลาอีกสักพัก ซึ่งยังไม่รู้ว่านานแค่ไหนกว่าจะเข้าใจกัน เพราะด้วยความต่างทั้งภาษาและต่างวัฒนธรรม อย่างไรก็ตามก็ต้องคอยให้กำลังใจกันต่อไป
ทีมชาติไทยยุคการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่นี้จะเปลี่ยนไปมากหรือน้อยแค่ไหนคงยังเดาไม่ออกแน่นอน เพราะโค้ชใหม่ก็ยังไม่เริ่มงาน...
แต่สิ่งที่สามารถบอกได้ในตอนนี้คือยังไงแฟนบอลทุกคนก็ยังเชียร์กันต่อไป เพราะ ทีมชาติไทย เป็นของเราทุกคน ดังนั้นเราต้องช่วยกันเชียร์ และเมื่อผลงานดีก็อย่าลืมที่จะต้องเอ่ยปากชม เฉกเช่นเดียวกันหากผลงานทีมชาติลงเหวเมื่อนั้นคุณเตรียมตัวเจอกับคำวิจารณ์ได้เลย "อากิระ นิชิโนะ"
แสดงความคิดเห็น